posttoday

แท็บเล็ต แท็บเละ

06 พฤศจิกายน 2555

นโยบายแจกแท็บเล็ตนำร่อง คือผลงาน” แท็บเละ”ที่กำลังพาการศึกษาชาติลงเหว

นโยบายแจกแท็บเล็ตนำร่อง คือผลงาน” แท็บเละ”ที่กำลังพาการศึกษาชาติลงเหว

โดย ขำ เคืองใจ

แท็บเล็ต แท็บเละ

รัฐบาลทำท่าจะเลื่อนการแถลงผลงานรัฐบาลครบ 1 ปี ต่อที่ประชุมรัฐสภาออกไปก่อน จะด้วยเหตุนายกฯยิ่งลักษณ์ภารกิจชุกชุมตลอดเดือนพ.ย.ก็พอรับฟังได้   แต่ถ้าบอก ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันจึงหลบการแถลง  ตรงนี้ไม่อยากจะเชื่อ  เพราะคนในรัฐบาลฟุ้งไว้ตั้งแต่ยังไม่ครบ 1 ปี มีผลงานล้นทะลัก  ทั้งให้หน่วยงานกระทรวงต่างๆ จัดรวบรวมข้อมูลตัวเลขชี้วัดผลงานอย่างเป็นระบบ แต่กับไม่ยักโชว์ผลงานต่อที่ประชุมรัฐสภาซะนี่ มหศัจรรย์ใจเหลือเกิน ในเมื่อไม่คิดจะแถลงผลงานไม่เป็นไร งั้นรอให้ฝ่ายค้านยกยอดนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงปลายเดือนต่อไปแล้วกัน 
               
แต่ในฐานะคนนอกสภาขอใช้สิทธิอภิปรายผลงานเยี่ยมยอดของรัฐบาลสักหนึ่งนโยบาย   เผอิญเข้าไปประสบเหตุการณ์ด้วยตนเอง  รับรู้สองรูหูยิ่งกว่าเรื่องจริงผ่านจอ 

นั่นคือนโยบายแจกแท็บเล็ตนำร่องให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง
          
ทบทวนความจำกันหน่อย  นโยบายนี้เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนช่วงคอมพิวเตอร์พกพากำลังฮิต มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านจอทีวีรายงานประเทศนั้นประเทศนี้กำลังให้เด็กนักเรียน เรียนหนังสือผ่านแทบเล็ต โดยเฉพาะภาพข่าวเด็กนักเรียนจากประเทศจีนกำลังใช้แท็บเล็ต    ต่อมาเข้าสู่ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ก็เป็นพรรคการเมืองใหญ่มากความคิดประชานิยม เริ่มขายนโยบายหาเสียง โดยผ่านคนขมองอิ่มอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดฉากใส่ชิพในสมองคีย์แมนพรรค 
            
กำหนดนโยบายใช้เงินเป็นตัวตั้งพ่วงด้วยแจกจ่ายวัตถุสินค้าเป็นตัวล่อ  ไม่ว่าจะเป็นการปรับเงินเดือนข้าราชการระดับปริญญาตรี    1.5 หมื่นบาท  ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วไทย อัดฉีดเงินล้านเข้ากองทุนพัฒนาสตรี    ก็ยังกระจายความต้องการลงไปถึงเด็กเยาวชนด้วยนโยบายจัดหาคอมพ์พิวเตอร์พกพาหรือแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง
          
ครั้งนั้น ฟุ้งไว้อย่างดิบดีถ้าเลือกเพื่อไทยบุตรหลานของท่านจะได้รับแท็บเล็ต  ส่วนสาระประโยชน์จากแท็บเล็ตเป็นอย่างไร จะมีผลกระทบต่อระบบการศึกษาหรือไม่ ไม่มีคำอธิบายเพิ่มจากนักการเมืองหัวสี่เหลี่ยม
          
“รู้แต่ว่าเลือกเพื่อไทยได้แท็บเล็ต  ให้รู้แค่นี้พอ”

       
ต่อมาเพื่อไทยเป็นรัฐบาลสมใจ  แรงกดดันจากการทวงสัญญานโยบายหาเสียงตามมา  มีการจัดพิธีกรรมจัดซื้อจัดจ้างสวยหรู อ้าง มีบริษัทเอเชีย ยุโรป เสนอตัว ต้องได้แท็บเลตคุณภาพ ราคาสมน้ำสมเนื้อ แต่ในที่สุดสายสัมพันธ์แนบแน่นไทย-จีน จึงได้บริษัทจากจีนผลิตแทบเล็ตส่งถึงไทย  โดยมีคนชื่อนอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที การันตีนี่คือของดีมีคุณภาพ ช่างอดนึกถึงยุคสมัยรัฐบาลทักษิณ ที่เคยมีนโยบายคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร  ถึงขั้นเกิดภาพเหตุการณ์  คนแห่จองคิวซื้อคอมพ์เอื้ออาทรผ่านไปรษณีย์ แต่ใช้ได้ไม่ถึงปี ต้องเอาจอคอมเครื่องอ้วนๆไปเป็นตู้ประดับแจกันดอกไม้แทน แต่สามารถสร้างรายได้ดีให้กับบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ออกยี่ห้อใหม่มีคุณภาพกว่าออกมาตีตลาด ส่วนคนควักกระเป๋าก็คือคนไทยเสียเงินสองต่อ
        
ดูจะไม่ต่างกับแทบเลตดีมีคุณภาพอย่างที่รัฐบาลแจกเด็กนักเรียนขณะนี้  มีเสียงจากโรงเรียนต่างๆ จากทดลองใช้จนถึงบัดนี้ ไอ้ประเภทใช้ปลายนิ้วสัมผัสหรือเรียกว่าทัชสกรีน โยกซ้ายโยกขวา ปรากฎว่าติดๆขัดๆ ที่หวังว่าจะลื่นปรื้ดลื่นปรื๊ดกรุณาทำใจกับแทบเล็ตดีมีคุณภาพ
       
รัฐมนตรีผู้สานต่อนโยบายยังลั่นคำพูดอีกว่า แม้การเจรจาต่อรองซื้อขายล่าช้า แต่สามารถส่งถึงมือเด็กนักเรียนทันเปิดเทอมปีการศึกษา 2555 อย่างแน่นอน  โดยจะแจกจ่ายโรงเรียนเรียงตามลำดับอักษร ก.- ฮ. ทว่า รอแล้วรอเล่าเปิดเทอมก็แล้วเข้าสู่เทอมที่สองก็แล้วปรากฎว่าแทบเลตไม่ถึงร.ร.ทั่วประเทศ 
       
แต่นักการเมืองพ.ศ.นี้ต้องด้านไว้ก่อนทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน เดินหน้าจัดพิธีปล่อยคาราวานส่งเจ้าเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาไปยังสถาบันการศึกษาต่างๆ   ก่อนเรียงหน้าออกมาแถลง “รัฐบาลได้ทำผลงานแจกแท็บเล็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ปิดฉากภารกิจอันงดงาม
            
คราวนี้มาทราบข้อมูลตรงนี้บ้าง  นี่คือข้อเท็จจริงไม่ต้องปั้นข่าวทำลายล้างรัฐบาล  เพราะได้รับจดหมายจากโรงเรียนหลังเปิดภาคเรียนที่ 2 นี่เอง โดยเรียนเชิญร่วมฟังปฐมนิเทศรับทราบข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้แทบเล็ตแก่บุตรหลาน
             
คุณครูอธิบายให้กับผู้ปกครองได้รับทราบข้อตกลงไว้ดังนี้   เนื่องจากศึกษาธิการจังหวัด แจ้งว่า แท็บเล็ตเป็นทรัพย์สินรัฐบาล แต่ละเครื่องจะมีรหัสตรงกับเด็กนักเรียนติดตัวไปจนถึงชั้นประถมปีที่ 3 ทางโรงเรียนจึงต้องทำข้อตกลงห้ามเด็กนักเรียนนำแทบเล็ตกลับบ้านโดยจะเก็บรักษาไว้ที่โรงเรียน แต่ถ้าเด็กย้ายโรงเรียนก็ต้องติดตัวไปด้วย ซึ่งก็มีปัญหาอีกบางโรงเรียนที่ยังไม่ได้แจกแทบเล็ตแต่ย้ายมาโรงเรียนใหม่ที่เรียนแท็บเล็ต จะทำอย่างไร
         
คราวนี้หล่ะสิ ปัญหาจึงตามมา คุณครูอธิบายผู้ปกครองต่อ กรณีที่มีคาบเรียนเกี่ยวกับการใช้แทบเล็ต หากเด็กนักเรียนทำเสียหาย ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบออกค่าซ่อมแซม   มันก็แปลกดีห้ามนำกลับบ้านแต่ถ้าเจ๊งที่โรงเรียนผู้ปกครองต้องรับผิดชอบ  อันนี้จะโทษโรงเรียนไม่ได้มันต้องย้อนไปดูผลผลิตของรัฐบาลที่ทำให้เกิดนโยบายนี้โดยไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่างเตรียมรองรับ 
            
ข้อต่อไป รัฐมนตรีที่นั่งกดคอมพิวเตอร์ในห้องแอร์  กรุณรับทราบ คำอธิบายคุณครูที่ชี้แจง ท่านบอกว่า  เนื่องจากแทบเล็ตต้องชาร์ตแบตเตอรี่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้า เวลาชาร์ตแบตก็ไม่มีสัญญาณเตือนว่าแบตเต็ม  บางครั้งก็ชาร์ตไม่เข้า  คุณครูอธิบายด้วยความเห็นใจต่อไปว่า  ด้วยภาวะโรงเรียนขาดแคลนงบประมาณ เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการติดตั้งระบบไวไฟรองรับ  เอ้!จำได้เหมือนกันว่า มีรัฐมนตรีไอซีทีในรัฐบาลนี้มิใช่หรือ บอกว่าเรากำลังติดตั้งระบบไวไฟทั่วประเทศ ต่อไปจะได้ใช้ฟรี  แต่วันนี้ยังไม่มีระบบไวไฟตามที่รัฐบาลคุย   โรงเรียนจึงต้องออกค่าใช้จ่ายฉุกเฉินกันเอง             
          
ไม่เพียงเท่านั้น คุณครูกล่าวถึงปัญหาของโรงเรียนอื่นด้วยว่า เมื่อจัดเก็บแทบเล็ตไว้ที่โรงเรียนจำเป็นต้องซื้อตู้เก็บรักษา  โดยยกตัวอย่างโรงเรียนอื่น เช่น มีเครื่องแทบเล็ต 49 เครื่องก็ต้องซื้อตู้ขนาดที่รองรับได้ ตกใบละ35,000 บาท
           
ดังนั้น เมื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และยังมีกรณีชาร์ตแบตเตอรี่ที่โรงเรียน จึงจำเป็นต้องให้ผู้ปกครองช่วยสนับสนุนค่าไฟวันละ 10 บาท หรือคิดเป็นเทอมละ 1 พันบาท

           
จริงอยู่สำหรับลูกรัฐมนตรี หรือพ่อแม่มีสตางค์ไม่กระเทือนกระเป๋า แต่สำหรับผู้ปกครองหาเช้ากินค่ำ การเสียค่าเทอมเพิ่มเพื่อเป็นค่าไฟชาร์ตแทบเล็ตรัฐบาล สุดแสนอนาถกับนโยบายแทบเล็ต  
          
อย่ากล่าวหาว่าประโยชน์แทบเล็ตสำหรับเด็กนักเรียนจะไม่มี  คุณครูได้สาธิตว่า แทบเล็ตทั่วไปก็จะทำให้เด็กได้ฝึกการจีบนิ้ว โดยมีแบบจีบหุบ กับจีบบาน ถ้าจีบหุบเป็นการย่อตัวหนังสือหน้าจอลดลง จีบบานคือทำให้ตัวหนังสือขยายใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเทียบกับหนังสือเรียนเด็กเปิดอ่านเห็นทั้งหน้า ขนาดหนังสือเท่ากัน ไม่ต้องจีบหุบจีบบาน  เพราะถ้ามาจีบหุบจีบบานกันในชั้นเรียน เด็กก็จะส่งเสียงเรียกร้อง ครูครับครูขา ตัวหนังสือใหญ่ไปครับ  ตัวหนังสือเล็กจังค่ะ หรือบางเครืองจีบไปจีบมาเครื่องแฮงค์ ต้องเสียเวลาในคาบเรียน หมดไปกับการซ่อมโปรแกรม
            
นี่ยังไม่ได้เล่าถึงโปรแกรมสารพัดพิษ  ตัวอย่าง มีการฉายภาพโชว์ในที่ประชุม ด้วยการสาธิตฝึกคัดลายมือ แต่ขอโทษทีเป็นคัดลายมือสุดไฮเทค ด้วยการให้เด็กใช้ปลายนิ้วสัมผัสเขียนตามรอยปะก.- ฮ.  A-Z บนหน้าจอแทบเล็ต 
          
โอ้วตั้งแต่เกิดจากท้องมารดายังไม่เคยพบเคยเห็นคัดลายมือโดยใช้ปลายนิ้วคัด เพราะวิธีการเขียนหนังสือของคนไทยที่ฝึกฝนกันมาตั้งแต่เริ่มร่ำเรียนศึกษา เขาฝึกให้เด็กรู้จักจับดินสอ ปากกา เขียนให้ถูก –สะกดให้เป็น – อ่านให้ออก ทำให้คนไทยรักการพูดอ่านเขียนภาษาไทยจนถึงวันนี้

แต่นี่คิดกันได้ยังไง จึงขอบอกรัฐบาลที่กำลังมีความสุขกับการคุยโวสร้างผลงาน  มันคือผลงาน” แท็บเละ”ที่กำลังพาการศึกษาชาติลงเหวใช่ไหม