ชำแหละเล่ห์โจรไฮเทค เบื้องหลังคดี"ล็อครถไม่ได้ทั้งห้าง"
ตีแผ่พฤติกรรมคนร้ายใช้รีโมทส่งสัญญาณกวนจนเหยื่อล็อครถไม่ได้ ก่อนขโมยทรัพย์สิน
เรื่องและภาพโดย...อินทรชัย พาณิชกุล
"แตกตื่นทั้งห้าง หลังรถยนต์ทุกคันล็อครถไม่ได้"
พาดหัวข่าวอันน่าตกใจนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ณ ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจ.กำแพงเพชร หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งว่า เจ้าของรถยนต์หลายสิบคันไม่สามารถกดรีโมทล็อครถได้ สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมากว่า
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือนี่คือวิธีโจรกรรมรถยนต์รูปแบบใหม่ของคนร้าย
ตัวอย่างอุปกรณ์ส่งสัญญาณรบกวนคลื่นวิทยุ
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความมั่นคง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการก่ออาชญากรรมโดยฝีมือมิจฉาชีพ
"การโจรกรรมรถยนต์มี 2 แบบ คือ ขโมยรถกับขโมยทรัพย์สินภายในรถ สมัยก่อนคนร้ายจะใช้วิธีเดินไปเปิดประตูรถดูว่ามีคันไหนไม่ได้ล็อค แล้วใช้มือหรือไม่ก็อุปกรณ์งัดแงะเข้าไปขโมยทรัพย์สินมีค่า ต่อมามีการติดกล้องวงจรปิด ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถมองเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่เดี๋ยวนี้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ เพราะอุปกรณ์หาง่าย ใครๆก็ทำได้ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเลย เพียงแค่เสิร์ชจากอินเทอร์เน็ต ยูทูบ เช่นคำว่าวิธีเปิดรถ วิธีปลดล็อค วิธีขโมยรถ ที่นิยมกันมากตอนนี้คือ ใช้เครื่องมือส่งสัญญาณคลื่นความถี่ เพราะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า"
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความมั่นคงรายนี้ บอกว่า การใช้รีโมทส่งสัญญาณรบกวนไม่ให้รีโมทรถยนต์ทำงานมีมานานแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้งานในรัศมีวงแคบไม่เกิน 20 เมตร โดยคนร้ายจะต้องรู้ก่อนว่า รถยนต์แต่ละยี่ห้อใช้สัญญาณคลื่นวิทยุย่านใด จากนั้นจึงจะใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณรบกวน หรือ Jammer เพื่อไม่ให้รีโมทรถยนต์ทำการล็อคประตูได้
"พฤติการณ์ของคนร้ายคือ เมื่อเหยื่อขับรถยนต์เข้ามาจอดในลานจอดรถ จังหวะลงจากรถแล้วหยิบรีโมทรถยนต์ขึ้นมาเพื่อกดล็อคประตู คนร้ายที่แอบอยู่ในรถที่จอดใกล้กันก็จะอาศัยจังหวะนี้ใช้รีโมทยิงสัญญาณรบกวนไม่ให้รีโมทรถยนต์ของเหยื่อทำงาน ล็อครถไม่ได้ เหยื่อรายไหนไม่ทันสังเกตนึกว่ารถตัวเองล็อคเรียบร้อยแล้ว หันหลังเดินเข้าห้าง คนร้ายก็จะเปิดเข้าไปขโมยทรัพย์สินมีค่าภายในรถ จุดอ่อนของเหยื่ออยู่ตรงส่วนใหญ่คิดว่ากดรีโมทล็อครถแล้วก็จบ ไม่ทันระวัง เดินหันหลังจะรีบไปช็อปปิ้ง แบบนี้เสี่ยงมาก การล็อครถยนต์ให้ปลอดภัยคือ กดรีโมทล็อคประตู ดูว่าไฟสัญญาณทำงาน แล้วใช้มือดึงประตูดูอีกครั้งเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ"
ดร.โกเมน วิเคราะห์กรณีเจ้าของรถยนต์ไม่ได้สามารถล็อครถได้พร้อมกันทั้งห้างว่า น่าจะมาจากความผิดพลาดทางเทคนิค คนร้ายอาจใช้อุปกรณ์ที่มีพลังในการส่งสัญญาณในรัศมีกว้างเกินไปรถยนต์ที่จอดอยู่ทั้งหมดจึงล็อคไม่ได้ ประกอบกับรถยนต์บางยี่ห้อที่มีราคาแพงจะมีการนำรีโมทรถยนต์กับระบบสัญญาณกันขโมยพ่วงด้วยกัน เมื่อเจ้าของรถกดรีโมทล็อครถไม่ได้ เพราะถูกคลื่นสัญญาณรบกวน ระบบสัญญาณกันขโมยซึ่งรับทราบความผิดปกติจากสัญญาณแปลกปลอมที่ไม่ได้มาจากรีโมทรถยนต์ จึงร้องดังขึ้น คนจึงตื่นตกใจ เจ้าหน้าที่รปภ.แห่กันมา คนร้ายจึงไหวตัวหลบหนีไปได้
สำหรับวิธีรับมือโจรไฮเทคเพื่อป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ แบ่งเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย เจ้าของรถ ห้างสรรพสินค้า หรือผู้ให้บริการลานจอดรถ และตำรวจ
เจ้าของรถ ทุกครั้งที่กดรีโมทล็อครถ ต้องดึงประตูเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าล็อคเรียบร้อย หากเกิดความผิดปกติขึ้น เช่น ล็อครถไม่ได้ หรือสัญญาณกันขโมยดังเอง อย่าตื่นตระหนก รีบแจ้งเจ้าหน้าที่รปภ.มาช่วยดู
ห้างสรรพสินค้า หรือผู้ให้บริการที่จอดรถ ควรลงทุนซื้ออุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์เพิ่ม เช่น กล้องวงจรปิด อุปกรณ์ตรวจจับหรือป้องกันสัญญาณรบกวน เพื่อไว้ตรวจจับหาสิ่งผิดปกติ
ตำรวจ ต้องมีความรู้ความเข้าใจว่า มีเทคโนโลยี หรือรูปแบบการโจรกรรมรถยนต์อะไรบ้างในปัจจุบัน แล้วคิดหาวิธีรับมือ เช่น เวลาจับผู้ร้ายได้พร้อมของกลาง ก็อาจจะนำอุปกรณ์นั้นของมาลองผ่าศึกษากลไกการทำงาน นำเอาข้อมูลจากการให้สารภาพของคนร้ายมาวิเคราะห์หาวิธีรับมือ ที่สำคัญต้องเผยแพร่ข้อมูลที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ แจ้งเตือนสังคมและประชาชนด้วย เพราะการประกาศเตือนภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประชาชนจะตื่นตัว
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์
"ระบบการรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าหรืออาคารลานจอดรถ ส่วนใหญ่จะมีแค่กล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่รปภ.เดินตรวจตรา สามารถป้องกันคนร้ายได้เฉพาะแค่กลุ่มพวกงัดแงะ ทุบรถ แต่ทุกวันนี้โจรมันไฮเทคขึ้น ใช้สัญญาณคลื่นความถี่ในการก่อเหตุ เพราะไม่สามารถมองเห็นได้ ทุกห้างจึงควรระมัดระวังมากขึ้น ไม่ก็ลงทุนหาอุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัยเอาไว้รับมือ"
เมื่อโจรผู้ร้ายไฮเทคขึ้น เราต้องติดตามข่าวสาร รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่้ยม กลวิธี พฤติกรรม จนถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อรายต่อไป