โซเชียลมีเดีย เปิดกว้างแฟชั่นอาเซียน
แฟชั่นมีส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกในอุตสาหกรรมแฟชั่นประมาณ 6 แสนล้านบาท
โดย...ดวงนภา ประเสริฐพงษ์
แฟชั่นมีส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกในอุตสาหกรรมแฟชั่นประมาณ 6 แสนล้านบาท และมีเป้าหมายจะยกระดับการส่งออกไปถึง 1 ล้านล้านบาท ในปี 2564 พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแฟชั่นอันดับ 1 ของอาเซียน ซึ่งโจทย์นี้ถือเป็นความท้าทายที่รัฐบาลและผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันพัฒนาให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อยกระดับวงการแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นนอกจากจะสร้างรายได้ให้ประเทศแล้ว ยังกลายเป็นจุดเชื่อมด้านความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับต่างประเทศด้วยเช่นกัน สายการบินแอร์เอเชียได้จัดโครงการ AirAsia Runway Ready Designer Search 2017 ในงาน KL Fashion week 2018 ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนและดีไซเนอร์หน้าใหม่ในภูมิภาคอาเซียนได้มีโอกาสแสดงฝีมือ ความคิดสร้างสรรค์ในเวทีระดับโลก ซึ่งเฟ้นหาดีไซเนอร์จาก 10 ประเทศอาเซียนเข้าร่วมประกวด โดยมีโจทย์ให้ออกแบบผลงาน Ready to Wear หรือเสื้อผ้าสำหรับพร้อมสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ไอรีน โอมาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย กล่าวว่า ยอมรับว่าผลงานของนักออกแบบรุ่นใหม่มีความสวยงาม เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ การที่นักออกแบบมีโอกาสเข้าร่วมในเวทีระดับนานาชาติจะยิ่งทำให้เกิดการเรียนรู้ จะสามารถนำมาปรับใช้และเป็นแรงบันดาลใจในการผลิตผลงานในวงการแฟชั่นได้ และในอนาคตจะเชิญชวนดีไซเนอร์จากทุกประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของแอร์เอเชีย เช่น อินเดีย จีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เข้าร่วมการแข่งขันด้วย
รัชชานนท์ วงศาสนธ์ ดีไซเนอร์อิสระ ตัวแทนจากประเทศไทย เจ้าของผลงานการออกแบบธีม “วัดโพธิ์” กล่าวว่า ปัจจุบันโลกโซเชียลมีเดียที่ขยายตัว ทำให้การรับรู้แฟชั่นและการประยุกต์ใช้มีมากขึ้น สอดคล้องกับความต้องการแสดงตัวตนก็มีมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมแฟชั่นอาเซียนมีความหลากหลายและแข่งกันด้วยคุณภาพมากกว่าการผลิตจำนวนมาก ดังนั้นในการออกแบบนอกจากจะต้องดูเทรนด์แล้ว ยังต้องสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนยุคใหม่ได้ด้วย
อีกสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นให้แข่งขันได้ คือ การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เพราะส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลมีเป้าหมายและผลักดันอย่างเต็มที่จะช่วยให้การแข่งขันของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของเวทีระดับอาเซียนและนานาชาติ ทั้งในเรื่องของมูลค่าตลาดและคุณภาพ
ขณะที่ คัมภีร์ ลักษโณศุรางค์ อีกหนึ่งตัวแทนจากประเทศไทย เจ้าของผลงาน Southern Batik Thailand บอกว่า ปัจจุบันคนทั่วไปเข้าถึงแฟชั่นได้ง่ายขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นเรื่องดี ทำให้ผลงานของนักออกแบบมีหลากหลายช่องทางในการนำเสนอ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ดังนั้นการจะอยู่รอดในวงการแฟชั่นนอกจากจะต้องยึดความเป็นตัวของตัวเองแล้วก็จำเป็นต้องเกาะกระแสโลกให้ทัน รู้ความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก
ด้าน แอนดรู ทัน ผู้ก่อตั้ง KL Fashion Week Ready to Wear กล่าวว่า ปีนี้การแข่งขันมีความท้าทายมากขึ้น แต่ก็ส่งผลดีต่อการพัฒนาวงการแฟชั่นของภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกันยังเป็นการเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพในเวทีนานาชาติ และได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในวงการแฟชั่น