ปั๊มค่าเช่าดอนเมืองพุ่งเท่าตัว

ทอท.คาดรายได้เชิงพาณิชย์หลังเปิดอาคารผู้โดยสาร 2 ดอนเมือง แตะ 2,500 ล้าน ประมูลสุวรรณภูมิ2สัญญาปีนี้

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผยว่า การเปิดใช้บริการอาคารผู้โดยสารอาคาร 2 สนามบินดอนเมืองในเดือน ธ.ค.นี้ จะทำให้บริษัทมีรายได้เชิงพาณิชย์จากค่าเช่าต่างๆ ภายในสนามบินดอนเมืองเพิ่มจาก 1,300 ล้านบาท/ปี เป็น 2,500 ล้านบาท/ปี โดยขณะนี้มีร้านค้า 111 รายเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่อาคารแล้ว 8,800 ตารางเมตร คิดเป็น 60% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีก 40% จะเซ็นสัญญาให้เสร็จในเดือน พ.ย.นี้

"งานปรับปรุงอาคารส่วนหลักๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงให้ผู้ประกอบการตกแต่งร้านค้าภายในอาคาร และที่ประชุมบอร์ด ทอท. วันที่ 2 ธ.ค.นี้ จะชี้ขาดว่าจะเปิดใช้อาคารในเดือน ธ.ค.หรือไม่ เพราะหากเปิดให้บริการอาคารไปพร้อมๆ กับการตกแต่งร้านค้าก็เกรงว่าจะเสียภาพลักษณ์ได้" นายนิตินัย กล่าว

นายนิตินัย ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้โดยสารมาใช้สนามบินดอนเมือง 29 ล้านคน/ปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปีละอย่างน้อย 20% ซึ่งการเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารอาคาร 2 จะลดความแออัดของสนามบินลง ขณะที่อาคารดังกล่าวจะรองรับผู้โดยสารในประเทศที่ใช้บริการ 4 แห่ง คือ ไทยแอร์เอเชีย นกแอร์ ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยสมายล์ ซึ่งได้ย้ายมาปฏิบัติงานบางส่วนแล้ว รวมทั้งมีการทดลองปรับแผนการจราจรในสนามบินใหม่แล้ว

นอกจากนี้ ทอท.จะเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารที่สนามบินภูเก็ตส่วนที่มีการขยายเพิ่มเติมในเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2559 และจะทำให้ ทอท.มีรายได้เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น

สำหรับความคืบหน้าการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 นายนิตินัย ระบุว่า จะเปิดประมูลสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างโครงสร้างใต้ดิน และสัญญาที่ 4 งานระบบสาธารณูปโภคภายในเดือน ธ.ค. หรือไม่เกินเดือน ม.ค.ปีหน้า ส่วนสัญญาที่ 2 งานโครงสร้างอาคารและระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่ออาคารผู้โดยสาร และสัญญาที่ 3 งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (แซทเทิ่ลไลท์) จะเลื่อนการเปิดประมูลเป็นปี 2559 เนื่องจากมีการแยกสัญญา จึงต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ

นายนิตินัย ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ สนามบิน ทอท. 6 แห่ง จะเริ่มใช้ระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) เพื่อป้องกันการก่อการร้ายและเพิ่มความปลอดภัยสนามบิน และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด หลังเกิดเหตุระเบิดที่ปารีส