ปตท.โต้คืนทรัพย์สินครบ5หมื่นล.
ปตท.ยันได้ปฏิบัติตาม คำสั่งศาลครบถ้วน โต้มติผู้ตรวจการฯ ทวงทรัพย์สิน 52,393 ล้าน ไม่มีประเด็นใหม่
ปตท.ยันได้ปฏิบัติตาม คำสั่งศาลครบถ้วน โต้มติผู้ตรวจการฯ ทวงทรัพย์สิน 52,393 ล้าน ไม่มีประเด็นใหม่
นายสุพจน์ เหล่าสุอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักกฎหมาย บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า คำแถลงของนายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่มีมติยื่นฟ้องศาลปกครองกรณีไม่คืนท่อก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ไม่พบว่ามีประเด็นใหม่
นายสุพจน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ปตท.ปฏิบัติตามคำสั่งศาลตลอดมา และตั้งแต่ปี 2550-2555 มีการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเรื่องการคืนท่อส่งก๊าซมาจำนวน 4 ครั้ง และศาลก็ได้มีคำสั่งยืนยันทั้ง 4 ครั้งว่า ปตท.ได้คืนและแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาให้แก่กระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2558 ศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคำสั่งยืนยันอีกครั้งว่า ปตท.ได้ส่งคืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่กระทรวงการคลังครบถ้วนตามคำพิพากษาแล้วตั้งแต่ปี 2551 การขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งคืนท่อส่งก๊าซอีกจึงเป็นการดำเนินคดีซา เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งถึงที่สุดแล้วว่า ปตท.ดำเนินการโอนทรัพย์สินครบถ้วนตามคำพิพากษาแล้ว
สำหรับมติผู้ตรวจการแผ่นดินตามที่นายศรีราชาแถลงเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. ผู้ถูกฟ้องคดี 11 ราย ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2550 และไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลปกครองวินิจฉัยและมีคำสั่งดังนี้
1.ขอให้เพิกถอนมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2550 และวันที่ 10 ส.ค. 2553 เกี่ยวกับการส่งมอบทรัพย์สิน ประกอบด้วยที่ดินที่ได้จากการเวนคืน สิทธิการใช้ที่ดินเหนือที่เอกชนและทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อส่งก๊าซในโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่าทางบัญชี ณ วันที่ 30 ก.ย. 2544 ประมาณ 16,175 ล้านบาท
2.ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. แบ่งแยกทรัพย์สินและโอนทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยให้กระทรวงการคลังตามมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของการปิโตรเลียมฯ วันที่ 30 ก.ย. 2544 อีกไม่น้อยกว่า 52,393 ล้านบาท รวมทั้งค่าตอบแทนและผลประโยชน์อื่น พร้อมดอกเบี้ย
3.เพิกถอนการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดิน เพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของบริษัท ปตท. ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
นายศรีราชา กล่าวว่า การดำเนินการตามมติ ครม.ดังกล่าว กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และบริษัท ปตท. ได้รายงานผลการดำเนินการตามคำพิพากษาอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2551 จึงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ปฏิบัติหรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและประชาชน โดยไม่เป็นธรรมและมิได้รักษาผลประโยชน์ของชาติตามหน้าที่ของข้าราชการที่ต้องพึงปฏิบัติ