ตรวจเข้มห้ามขึ้นราคาสินค้า
“พาณิชย์” เผยปรับขึ้นค่าแรงกระทบสินค้าเพิ่มแค่ 0.01-1.02% เดินสายออกตรวจห้ามปรับราคาตาม
“พาณิชย์” เผยปรับขึ้นค่าแรงกระทบสินค้าเพิ่มแค่ 0.01-1.02% เดินสายออกตรวจห้ามปรับราคาตาม
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการศึกษาโครงสร้างต้นทุนของราคาสินค้าที่มีผลต่อการปรับขึ้นค่าแรงงาน 5-10 บาท/วัน ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2560 ส่งผลให้สินค้าที่มีความจำเป็นต่อการยังชีพของประชาชน เช่น อาหารปรุงสำเร็จ(ข้าวกะเพรา) จานละ 35 บาท ต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียง 0.31-0.57% หรือขึ้นเพียงจานละ 11-12 สตางค์ (สต.) เท่านั้นนมยูเอชทีกล่องละ 12 บาท มีกระทบ 0.04-0.07% หรือปรับเพิ่มขึ้นกล่องละ 0.004-0.008 บาท หรือไม่ถึง 1 สต.
สำหรับผงซักฟอกถุงละ 63 บาท มีผลกระทบทำให้ต้นทุนขึ้น 0.07-0.13% หรือเพิ่มขึ้นถุงละ 4-8 สต. แม้แต่สินค้าเสื้อนักเรียน ซึ่งใช้แรงงานสูงในการตัดเย็บก็ยังมีผลกระทบน้อย เช่น ถ้าราคาตัวละ 180 บาท อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณตัวละ 0.94-1.74 บาท โดยรวมแล้วค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้นมีผลต่อราคาสินค้า 0.01-1.02% เท่านั้น ดังนั้นราคาสินค้าไม่ควรมีการปรับขึ้นแต่อย่างใด
“การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและราคาสินค้าน้อยมาก จึงไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ประกอบการจะปรับราคาสินค้า ดังนั้นกรมการค้าภายในจึงได้มีมาตรการกำกับดูแลราคาสินค้าอย่างเข้มงวดทุกช่วงการค้า ตั้งแต่ ราคา ณ โรงงาน ตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก รวมทั้งได้จัดสายตรวจในกรุงเทพฯ 9 สาย และภูมิภาคทั่วประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง” นางนันทวัลย์ กล่าว
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะทำให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มกำลังซื้อทำให้มี สภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการเองจะสามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น และเมื่อผลิตมากขึ้นก็จะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสินค้าลดลงอีกด้วย ทั้งนี้หากประชาชนพบสินค้ามีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569