เมินทีพีพีหันเจรจาRCEP
พาณิชย์ไม่ห่วงทรัมป์เลิกทีพีพี หันเร่งเจรจาอาร์เซ็ปจบปีนี้ เชื่อนักลงทุนสหรัฐไม่ย้ายฐานผลิตไทยและอาเซียน คงเป้าส่งออกโต3%
พาณิชย์ไม่ห่วงทรัมป์เลิกทีพีพี หันเร่งเจรจาอาร์เซ็ปจบปีนี้ เชื่อนักลงทุนสหรัฐไม่ย้ายฐานผลิตไทยและอาเซียน คงเป้าส่งออกโต3%
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะยกเลิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) เนื่องจากไทยยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกทีพีพี สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการหลังจากนี้ คือการผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่างอาเซียนและประเทศ คู่เจรจา 6 ประเทศ รวมเป็น 16 ประเทศ ให้ได้ข้อสรุปภายในปี 2560 ตาม เป้าหมายที่ผู้นำทั้ง 16 ประเทศได้ประกาศไว้ เพราะไทยจะได้ประโยชน์จากความตกลงอาร์เซ็ป เนื่องจากเป็นกรอบเจรจาที่ใหญ่สุดในโลก หากไม่มีทีพีพี
นอกจากนี้ ไทยยังสามารถเพิ่มโอกาสทางการค้ากับสหรัฐในกรอบข้อตกลงทางการค้าและการลงทุนสหรัฐ หรือ TIFA ซึ่งปีนี้ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ดังนั้นจึงมั่นใจว่า นโยบายที่นายทรัมป์ประกาศออกมาจะยังไม่กระทบต่อการค้าระหว่างไทย
สำหรับนโยบายจะถอนการลงทุนของภาคเอกชนสหรัฐในประเทศต่างๆ กลับเข้ามาลงทุนในสหรัฐนั้น จากการหารือกับภาคเอกชนสหรัฐในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ประจำปี 2559 ณ กรุงดาวอส สหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17-20 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางภาคเอกชนสหรัฐมองว่า การถอนการลงทุนในต่างประเทศทั้งหมดคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากหลายสินค้าและวัตถุดิบสหรัฐไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องใช้ฐานการผลิตจากต่างประเทศ จึงเชื่อว่าการลงทุนของสหรัฐในไทย รวมถึงอาเซียน เช่น เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น จะยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีการย้ายฐานการลงทุน
ขณะที่ เป้าหมายการส่งออกในปี 2560 ยังคงตั้งเป้าส่งออกขยายตัวอยู่ที่ 3% โดยสหรัฐมีสัดส่วนต่อการส่งออกไทยในภาพรวมประมาณ 10%
นางอภิรดี กล่าวถึง เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ได้แจ้งว่า ขีดความสามารถด้านการแข่งขันเศรษฐกิจมหภาคของไทยอยู่ในลำดับที่ 13 ของโลก ถือเป็นอันดับที่ดีมาก โดยจะเร่งปรับฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ไทยติด 1 ใน 10 ของโลก โดยเฉพาะด้านนวัตกรรมสอดรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0