เตรียมเปิดเส้นทางไมโครบัส-รถเมล์ใหม่ 3 สาย
คณะกรรมการควบคุมการขนส่งฯ อนุมัติเปิดเส้นทางไมโครบัส 2 สายแรก พร้อมเปิดรถเมล์เชื่อมสนามบินอีก 1 สาย
คณะกรรมการควบคุมการขนส่งฯ อนุมัติเปิดเส้นทางไมโครบัส 2 สายแรก พร้อมเปิดรถเมล์เชื่อมสนามบินอีก 1 สาย
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีมติเห็นชอบร่วมกันให้เปิดเส้นทางนำร่องของรถโดยสารไมโครบัสจำนวน 20 ที่นั่ง จำนวน 2 เส้นทาง ประกอบด้วยเส้นทาง โรงพยาบาลรามาธิบดี-บางพลี (สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์) และเส้นทาง ศาลายา (มหาวิทยาลัยมหิดล) –สถานีขนส่งสายใต้-จตุจักร ภายหลังจากที่ผลการศึกษาออกมาแล้วพบว่าสองเส้นทางดังกล่าวมีประสิทธิภาพด้านจำนวนผู้โดยสารอย่างมากโดยเฉพาะบุคลการมหาวิทยาลัยและนิสิตนักศึกษา
ทั้งนี้คาดว่าเส้นทางโรงพยาบาลรามาธิบดี-บางพลีนั้นจะมีผู้โดยสารกว่าวันละ 4,800 คน จนที่ผ่านมามีเอกชนสนใจต้องการบริหารเส้นทางนำร่องจำนวนมาก โดยคาดว่าจะเปิดเชิญชวนเอกชนและผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมเสนอแนวทางบริการจัดการภายในเดือน มิ.ย.นี้ ก่อนออกใบอนุญาตประกอบการเส้นทางรถไมโครบัส (license) ให้กับผู้ที่ได้สัมปทานเส้นทางดังกล่าวไป อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีนี้จะมีโอกาสได้เห็นการเปิดเส้นทางนำร่องของรถไมโครบัสอีกหลายเส้นทางหากได้เสียงตอบรับที่ดีกลับมา
"เส้นทางนำร่องวิ่งรถไมโครบัสดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ประชาชนหันมาทดลองใช้รถไมโครบัสแทนรถตู้ตามมาตรการความปลอดภัย เหมือนกับว่าถ้าการทดลองตลาดในเส้นทางนำร่องได้รับเสียงตอบรับที่ดี รัฐบาลก็จะมีแนวทางเพื่อจูงใจผู้ประกอบการให้หันมาใช้รถไมโครบัสให้บริการได้มากขึ้นด้วย"นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางยังได้มีมติเห็นชอบให้ขสมก.เปิดเส้นทางเดินรถเมล์โดยสารเชื่อมต่อสนามบิน (Airport Bus) อีก 1 เส้นทาง ได้แก่ สาย S1 สนามบินสุวรรณภูมิ-ยมราช-ถนนข้าวสาร-สนามหลวง โดยจะเริ่มเปิดบริการเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ด้วยจำนวนรถเมล์โดยสารประมาณ 10 คัน พร้อมติดตั้งที่วางกระเป๋าเดินทางโดยสารคล้ายกับการให้บริการรถชัตเติ้ลบัสสุววรณภูมิ-ดอนเมืองของ ทอท.
อย่างไรก็ตามการพัฒนาเส้นทางรถเมล์เชื่อมต่อสนามบินและระบบขนส่งอื่นนั้นเป็นนโยบาย One Transport ของกระทรวงคมนาคมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารด้านการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะและสร้างรายได้เพิ่มให้กับขสมก. ตลอดจนสนับสนุนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยตั้งเป้าการคุ้มทุนของรถเมล์สายใหม่นี้ต้องมีผู้โดยสารหรือ load factor อย่างน้อย 70%
ทั้งนี้การเปิดให้บริการในเส้นทางดังกล่าวยังติดปัญหาเรื่องจุดจอดรับผู้โดยสาร จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปหารือกับสุวรรณภูมิเพื่อขอใช้ชานชาลาเป็นจุดจอดรับผู้โดยสารจากเดิมที่สุวรรณภูมิให้ใช้พื้นที่นอกอาคารเป็นจุดจอดรับซึ่งไกลจากจุดขึ้นรถของผู้โดยสารมาก ดังนั้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้าเพื่อให้ทันกับวันเปิดใช้บริการ แต่เบื้องต้นมองว่าสุวรรณภูมิไม่น่ามีปัญหาอะไรเนื่องจากมาตรการเชื่อมต่อระบบขนส่งเป็นนโยบายของกระทรวงคมนาคมอีกทั้งบริการรถเมล์แอร์พอร์ตบัสนั้นยังไม่ถือว่าเป็นการแข่งขันกับผู้ประกอบการแท็กซี่ภายในสนามบินอีกด้วย