posttoday

เลือกตั้งกร่อยเงินสะพัดแค่หมื่นล้าน

22 มกราคม 2557

หอการค้าไทยระบุเลือกตั้งกร่อย คาดเงินสะพัดแค่หมื่นล้าน ต่ำกว่าที่เคยคาดว่าจะสูงถึง 5 หมื่นล้าน

หอการค้าไทยระบุเลือกตั้งกร่อย คาดเงินสะพัดแค่หมื่นล้าน ต่ำกว่าที่เคยคาดว่าจะสูงถึง 5 หมื่นล้าน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์พยากรณ์ได้ปรับแนวโน้มการใช้จ่ายเงินในช่วงก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. 2557 ลดลงจากเดิมคาดว่าจะมีเงินสะพัด 4-5 หมื่นล้านบาท เหลือไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบรรยากาศในการหาเสียงของพรรคการเมืองซบเซามาก ส่งผลให้พรรคการเมืองมีการจ้างงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องในอัตราต่ำ เช่น การจัดทำโปสเตอร์ สิ่งพิมพ์ การโฆษณาผ่านสื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ รวมถึงจัดทำเสื้อผ้าสำหรับทีมงานในการหาเสียง เครื่องดื่ม การเช่ารถยนต์และจักรยานยนต์ในการหาเสียง เครื่องเสียง และการจัดอีเวนต์ต่างๆ

ที่ผ่านมา ผู้สมัคร สส.ส่วนใหญ่มีการใช้เงินทั้งบนดินและใต้ดินประมาณ 20-30 ล้านบาท แต่บรรยากาศการเมืองที่ซบเซา ทำให้ครั้งนี้คาดว่าจะใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 1-2 ล้านบาท ยกเว้นพื้นที่การแข่งขันดุเดือด แต่คงมีไม่มาก ขณะที่บางรายอาจใช้เงินไม่ถึง 1 ล้านบาทด้วยซ้ำ เนื่องจากกังวลว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

“จะเห็นว่า ป้ายหาเสียงมีไม่มากส่วนใหญ่จะเห็นป้ายเบอร์ 15 ของพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคอื่นๆ อย่างภูมิใจไทย ชาติพัฒนา และชาติไทยพัฒนา มีบ้างแต่ก็ไม่เยอะ ส่วนต่างจังหวัดก็ไม่ค่อยมีการเปิดเวทีปราศรัย หรือไม่มีการแข่งขันกันรุนแรง ทำให้การใช้จ่ายของพรรคการเมือง ทั้งเรื่องบุคลากร การเช่ารถยนต์ การออกโฆษณาตามสื่อ หรือแม้แต่การซื้อเครื่องดื่มต่างๆ มีปริมาณน้อยลงมาก” นายธนวรรธน์ กล่าว

นอกจากนี้ ตามปกติช่วงก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน สื่อต่างๆ จะมีการประโคมข่าวของพรรคการเมืองต่างๆ ในการหาเสียงเลือกตั้งอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นคู่แข่งสำคัญ แต่มาครั้งนี้สื่อส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจเรื่องของการชุมนุมประท้วง เพื่อให้มีการปฏิรูปประเทศไทยก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เนื่องจากประชาชนทั่วโลกส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นๆ

“ยอมรับว่าภาคการบริโภคในช่วงต้นปีนี้ต้องหดตัวแน่นอน เพราะนอกจากประชาชนจะประสบปัญหาค่าครองชีพที่แพงแล้ว เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศยังชะลอตัวต่อเนื่อง และยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีความชัดเจนก็กดดันการใช้จ่ายประชาชนให้น้อยลงไปอีก ขณะที่เม็ดเงินสะพัดจากการเลือกตั้ง เดิมคาดว่าน่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.3-0.4% แต่ตอนนี้คงลำบาก เพราะพรรคการเมืองใช้จ่ายลดลง” นายธนวรรธน์ ระบุ