posttoday

จับตาไซเคิลค้าปลีก ยุคไทยแกร่งเหนือยุโรป

01 กุมภาพันธ์ 2559

แม้ว่าขณะนี้ทั้งสองห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตจะเริ่มเงียบไป แต่ถ้าเป็นวัฏจักรของธุรกิจที่ถึงยุคเปลี่ยนมือจริง

โดย...ทีมข่าวธุรกิจตลาด

หลังจากกระแสข่าวการขายกิจการของห้างเทสโก้ โลตัสในประเทศไทยเงียบไปพักใหญ่ เนื่องจากห้างเทสโก้ โลตัสใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ประกอบกับผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัสในประเทศไทยพยายามยิ้มสู้ปฏิเสธที่จะไม่ตอบคำถามในเรื่องดังกล่าว พร้อมกับออกมาประกาศว่า ธุรกิจในประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตที่ดี จึงทำให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวค่อยๆ จางหายไป

แม้กระแสข่าวการขายกิจการของห้างเทสโก้ โลตัสจะเบาลง แต่ก็ยังมีหลายคนยังคงจับตามองการดำเนินธุรกิจของห้างเทสโก้ โลตัส เนื่องจากตลอดปี 2558 ที่ผ่านมา ห้างเทสโก้ โลตัสได้ทยอยขายกิจการที่ไม่ทำกำไรออกไป เพื่อลดปัญหาการขาดทุน

จากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็เริ่มมีกระแสนักธุรกิจไทยเงินหนาอย่าง ซีพี ไทยเบฟฯ และเซ็นทรัลสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการของห้างเทสโก้ โลตัส เพื่อต่อยอดธุรกิจของตัวเอง ล่าสุด 3 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ก็มีรายชื่อแคนดิเดตซื้อห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ในประเทศไทย หลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มกาสิโนของฝรั่งเศส ส่งสัญญาณขายหุ้นบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ในประเทศไทย เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปอยู่ในภาวะซบเซา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า การมีกระแสข่าวว่า กลุ่มกาสิโนของฝรั่งเศสจะขายกิจการในประเทศไทย ถือเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ เพราะตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปอยู่ในภาวะย่ำแย่ ทางกลุ่มกาสิโนเลยอาจมีความคิดที่จะขายกิจการในบางประเทศ เพื่อนำเงินเข้าไปช่วยธุรกิจในบ้านของตัวเอง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นเรื่องของการเงินและเครื่องมือทางการเงิน

ทั้งนี้ การขายกิจการและการควบรวมที่อาจจะเกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นวัฏจักร หรืออินเตอร์เนชั่นแนล ไซเคิล ที่กลับมาเหมือนเมื่อช่วง 20-25 ปีก่อน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวธุรกิจในประเทศไทยทุกอย่างทำจากมือทั้งหมด หรือเรียกได้ว่าเป็นการทำรีเทลแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวธุรกิจไทยก็ได้เริ่มมีการเปลี่ยนมือเป็นของต่างชาติ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้คนไทยได้เริ่มมีการเรียนรู้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

หลังจากคนไทยได้เรียนรู้เทคนิคในการทำงานจนพัฒนาธุรกิจของตัวเองให้มีความแข็งแกร่ง จึงทำให้คนไทยมีความพร้อมที่จะก้าวเข้าไปซื้อกิจการในต่างประเทศ ประกอบกับขณะนี้เศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปมีปัญหา จึงมีความเป็นไปได้ที่คนไทยจะเข้าไปซื้อกิจการในยุโรป ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลก็ทำให้เห็นแล้ว ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการห้างค้าปลีกในเมืองต่างๆ ของกลุ่มประเทศยุโรป เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในประเทศไทย

ชลิต ลิมปนะเวช อุปนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจไทยมีความแปลกใหม่ และหลายธุรกิจเริ่มมีความแข็งแกร่งพอที่จะเข้าไปซื้อกิจการ หรือเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศต่างๆ ประกอบกับผู้ประกอบการค้าปลีกไทยส่วนหนึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงสามารถแปลงธุรกิจออกมาเป็นเงินได้ ด้วยการนำธุรกิจเข้าไปอยู่ในพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ เมื่อมีเงินก็สามารถนำเข้าไปลงทุนต่อได้

ดังนั้น การที่จะมีผู้ประกอบการคนไทยเข้าไปเทกโอเวอร์ธุรกิจค้าปลีกตามที่เป็นข่าว จึงไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ยังมีธุรกิจไม่ครบวงจรอย่างกลุ่มธุรกิจของ เจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งยังขาดในส่วนของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่เข้าไปรองรับธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันในด้านของช่องทางการจัดจำหน่าย

ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเซ็นทรัล หรือซีพี ทั้งสองรายล้วนมีธุรกิจค้าปลีกที่รองรับธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว โดยในส่วนของซีพีก๋็มีห้างค้าปลีกอย่างแม็คโคร และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น ขณะที่กลุ่มเซ็นทรัล ก็มีศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์ไว้รองรับการขยายตัวของธุรกิจ

ชลิต กล่าวต่อว่า ถ้าถามถึงเหตุผลว่าทำไมจึงมีข่าวบิ๊กซีฯ จะขายกิจการในไทย มองว่า กลุ่มกาสิโน ต้องการที่จะเลียแผล เพราะตอนนี้เศรษฐกิจในยุโรปแย่ แต่ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียยังมีโอกาสเติบโต ถ้าหากขายได้ในราคาที่ต้องการก็จะได้เอากำไรไปช่วยบริษัทแม่จะดีกว่า

แม้ว่าขณะนี้ทั้งสองห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตจะเริ่มเงียบไป แต่ถ้าเป็นวัฏจักรของธุรกิจที่ถึงยุคเปลี่ยนมือจริง คงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด