ส่องอาชีพในฝันเด็กไทยปี60 "ครู"ครองอันดับ1
เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดแรงงานในอนาคต ซึ่งประเทศชาติจะพัฒนาไปได้แค่ไหนก็อยู่ที่เด็กในวันนี้ว่าจะเติบโตเช่นไร
โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดแรงงานในอนาคต ซึ่งประเทศชาติจะพัฒนาไปได้แค่ไหนก็อยู่ที่เด็กในวันนี้ว่าจะเติบโตเช่นไร
ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค-ไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้จัดทำผลการสำรวจอาชีพในฝันของเด็กไทยประจำปี 2560 โดยสำรวจจากเด็กอายุ 7-14 ปี พบว่า อาชีพครู เป็นอันดับ 1 ของอาชีพในฝันเด็กไทยปีนี้ แตกต่างจากตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ที่อาชีพแพทย์ ครองอันดับ 1 มาโดยตลอด โดยเด็กส่วนใหญ่ที่อยากเป็นครูให้เหตุผลว่า อยากแบ่งปันความรู้ให้เด็กๆ และสอนให้เด็กเป็นคนดี
ขณะที่อาชีพแพทย์ ซึ่งเคยครองอันดับ 1 ปีนี้มาเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนนเฉลี่ยที่ไม่ได้แตกต่างจากอันดับ 1 มากนัก ส่วนอันดับ 3-5 ได้แก่ ทหาร นักกีฬา และตำรวจ ตามลำดับ โดยอาชีพนักกีฬาติดอยู่ในอันดับ 1 ใน 5 มาอย่างต่อเนื่อง สาเหตุที่เด็กอยากเป็นเพราะมีพื้นฐานมาจากการชอบเล่นกีฬา อีกทั้งมองว่าได้ออกกำลังกายและมีรายได้ดี
อย่างไรก็ตาม นอกจากอาชีพที่ติด 5 อันดับแรกแล้ว ในปีนี้พบว่ามีเด็กจำนวนมากขึ้นที่อยากประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพราะอยากดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทและพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และอีกส่วนก็อยากจะรับราชการ เพราะอยากจะเป็นทหารของพระราชา
ธิดารัตน์ กล่าวว่า ไม่เพียงแต่อาชีพที่กล่าวมาแล้ว ปีนี้ยังพบว่ามีอาชีพแปลกใหม่ที่เด็กไทยสนใจจะเป็นมากขึ้น เช่น อาชีพแอนิเมเตอร์ หรือนักออกแบบและสร้างการ์ตูนแบบเคลื่อนไหว เนื่องจากเด็กๆ ชอบการ์ตูน อาชีพนักแคสเกม คือ ผู้ที่นำเกมทดสอบหรือเล่นแล้วอัดคลิปวิดีโอให้ผู้ชมได้ดูผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ ยูทูบ ด้วยเหตุผลมาจากความชอบเล่นคอมพิวเตอร์
"ปีนี้คำตอบค่อนข้างหลากหลาย เด็กคนหนึ่งอยากทำงานกู้ภัย เพราะเป็นอาชีพที่มีโอกาสช่วยเหลือประชาชน อีกคนอยากจะเป็นซีอีโอของบริษัทระดับโลก เพราะว่ายังไม่เคยเห็นนักธุรกิจไทยติดอันดับโลกเลย จึงอยากทำให้ได้ เพื่อให้ชาวต่างชาติรู้ศักยภาพคนไทยว่าไม่แพ้ชาติใดในโลก ส่วนอาชีพที่คิดว่าเท่ที่สุดหรือดีที่สุด อันดับ 1 คือ ทหาร รองลงมา คือ ตำรวจ แพทย์ นักฟุตบอล และครู"
ด้านเงินเดือนที่เด็กๆ อยากได้ มากที่สุดคือ 1.5-3 หมื่นบาท เงินเดือนสูงสุดที่อยากได้คือ 90 ล้านบาท เงินเดือนต่ำสุดที่อยากได้คือ 0 บาท จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า หากเด็กได้ทำสิ่งที่ชอบ ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบเงินเดือนเยอะ แต่จะได้เป็นความสุขใจที่ได้ทำใน สิ่งที่รักตอบแทน
จากคำตอบเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเด็กๆ มีความมุ่งมั่นในใจอยู่แล้ว ว่าวันข้างหน้าอยากเป็นอะไร หาก ภาครัฐและเอกชนไทยร่วมมือกันฟูมฟักเด็กเหล่านี้ให้ดี อนาคตประเทศไทยก็จะมีบุคลากรดีๆ มาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองแน่นอน