posttoday

"คิวเฮ้าส์" มุ่งนวัตกรรม บุกตลาดพรีเมียมอีโคโนมี

26 ตุลาคม 2558

ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการคุณภาพของการอยู่อาศัยที่แท้จริงในราคาที่สามารถจ่ายได้อย่างสมเหตุสมผล

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

การแข่งขันในธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการดำเนินธุรกิจก็สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงทำให้บรรดาผู้ประกอบการต่างต้องเร่งพยายามควบคุมทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มออกแบบก่อสร้าง การก่อสร้าง กลยุทธ์ทางการตลาด หลังจากต้องเผชิญกับต้นทุนสำคัญ โดยเฉพาะราคาที่ขยับขึ้นค่อนข้างแรงเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม

เวลานี้จึงเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง ควอลิตี้ เฮ้าส์ ปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงและแข่งขันกันรุนแรง

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ หรือคิวเฮ้าส์ กล่าวว่า จากแผนการก่อสร้างระบบคมนาคมขนส่งของภาครัฐหลายเส้นทางที่จะทำให้เมืองนั้นขยายไปสู่ชานเมือง หัวเมืองต่างจังหวัด รวมไปถึงการผลักดันให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษตามหัวเมืองชายแดนทำให้บริษัทต้องปรับตัว โดยเร่งศึกษาตลาดเพื่อจะพัฒนาโครงการให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ยังมีกำลังซื้อ

“การขยายตัวของโครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รถไฟทางคู่ ทางด่วนมอเตอร์เวย์ รวมไปถึงระบบสาธารณูปโภค ยิ่งทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยต่อไปในอนาคตไม่ได้จำกัดอยู่แค่คอนโดมิเนียมในเมือง รวมไปถึงคอนโดที่อยู่ชานเมือง แต่ความต้องการบ้านและทาวน์เฮาส์เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน โดยเฉพาะในแถบชานเมืองและใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมที่ถือเป็นแหล่งงานสร้างรายได้” ชัชชาติ กล่าว

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานนับจากนี้เป็นต้นไป จึงพัฒนาโครงการที่พักอาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงมุ่งจับตลาดในทุกระดับทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยแบ่งสัดส่วนตลาดที่เน้นระดับกลางและพรีเมียมอีโคโนมีมากขึ้น หรือราคาเฉลี่ย 2 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อและมีความต้องการที่อยู่อาศัย ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมที่พบว่าสินค้าสำหรับผู้บริโภคระดับกลางถึงล่างมีอัตราการขยายตัวมากในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการคอนโดที่มีโครงการเดิมและเปิดตัวโครงการใหม่ จนทำให้ดูเหมือนภาวะสินค้าล้นตลาดและเป็นตลาดที่แข่งขันในเรื่องราคา

แต่ในความเป็นจริงลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการคุณภาพของการอยู่อาศัยที่แท้จริงในราคาที่สามารถจ่ายได้อย่างสมเหตุสมผล และเชื่อมั่นว่าช่วงเวลาจากนี้ไปตลาดกลางถึงล่างจะกลับมาคึกคักจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ

นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะปัจจุบันมีการก่อสร้างโครงการจำนวนมากจะต้องพัฒนาหลังการขายให้เข้มแข็งอย่างเช่น โครงการราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท มีจำนวน 500 หลัง จะทำอย่างไรให้คุณภาพโครงการออกมาดี เนื่องจากในที่สุดแล้วคุณภาพของบ้านจะเป็นตัวชี้วัด ปัจจุบันการรับรู้ของผู้บริโภคนั้นไปเร็วมาก จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคนั้นรับรู้ได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ หากคุณภาพไม่ดีจริงในระยะยาวผู้ประกอบการก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน ทั้งนี้หากเน้นที่คุณภาพโครงการเป็นหลักจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามมาในอนาคต

“แนวทางธุรกิจของคิวเฮ้าส์ในเวลานี้ หากทำยอดขายได้มาก คุณภาพบ้านก็ต้องดีตามไปด้วย เพราะต้องยอมรับว่าพอเราลงไปยังตลาดทาวน์เฮาส์จำนวนยูนิตค่อนข้างเยอะ พอมีปัญหาก็เข้าไปแก้ไขไม่ทัน จึงต้องมาปรับเรื่องบริการหลังการขายที่จะต้องมาเน้นเรื่องบุคลากรที่สามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ตัวชี้วัดเรื่องบริการหลังการขายถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะลูกค้าต้องมีความสุขกับสิ่งที่เขาได้รับนั่นถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะในระยะยาวจะอยู่ไม่ได้ ทั้งเรื่องการพัฒนานวัตกรรมและบริการหลังการขาย เพราะถ้าไม่มีนวัตกรรมก็จะหันมาแข่งกันที่ราคาอย่างเดียว” ชัชชาติ กล่าว

ขณะเดียวกัน ได้ดำเนินการปรับแบรนด์บริษัทให้มีความทันสมัยมากขึ้น จากในอดีตที่ผ่านมาการสื่อสารเรื่องแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้าจะเน้นไปยังกลุ่มที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ แต่จากนี้ได้ใช้ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข มาช่วยสื่อสารผ่านมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง เพื่อปรับภาพลักษณ์ของบริษัทให้สามารถสื่อสารไปยังกลุ่มวัยเริ่มต้นทำงานได้ดีขึ้น พร้อมกันนี้ได้ปรับเปลี่ยนแบบบ้านให้ทันสมัยดูวัยรุ่นขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มที่เป็นอนุรักษนิยม หรือชอบในรูปแบบโครงการที่พัฒนามาก่อนหน้านั้นก็มีที่เน้นความหรูหราก็ต้องสื่อสารแบรนด์สินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายให้ดี

“นวัตกรรมหรืออินโนเวชั่นของคิวเฮ้าส์นั้นไม่ใช่มองแค่แบบบ้าน การบริการหลังการขายนั้นก็เป็นสิ่งที่เอานวัตกรรมเข้าไปใช้ได้เช่นกัน รวมไปถึงการหาที่ดินในการพัฒนาโครงการก็เอานวัตกรรมไปจับได้ อย่างเราพยายามไปเจาะที่ดินในบริเวณใกล้แหล่งนิคมอุตสาหกรรมที่ไม่มีใครเคยไปก็เป็นนวัตกรรมได้ ซึ่งถือว่ามีหลายมิติไม่ใช่เกิดจากสิ่งใหญ่ๆ อย่างเดียว แต่ทุกคนสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมร่วมกันได้ อย่างพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือแม่บ้านทำอย่างไรเพื่อให้ลูกบ้านเกิดความประทับใจ นวัตกรรมจึงเกิดขึ้นได้ในด้านบริการลูกค้าและด้านคุณภาพแบบบ้านที่เกิดขึ้น” ชัชชาติ กล่าว

สำหรับคอนโดมิเนียมในเมืองอย่างโครงการคิว สุขุมวิท ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีนานาบนเนื้อที่ 3 ไร่ พัฒนาเป็นห้องชุด จำนวน 27 ยูนิต ขนาดเริ่มต้น 92-296 ตารางเมตร ขนาด 2-4 ห้องนอน และเพนต์เฮาส์ขนาด 350 ตารางเมตร ราคาขายเฉลี่ยที่ 3 แสนบาท/ตารางเมตร  ได้เริ่มเปิดขายมีตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มียอดขาย 15% และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมียอดขาย 40% โครงการระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ บริษัทไม่มีแผนที่จะเร่งปิดการขายในเวลารวดเร็ว เนื่องจากราคาขายสามารถขยับเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างราคา 3 แสนบาท ในวันนี้ อนาคตเมื่ออาคารก่อสร้างเสร็จใน 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4-4.5 แสนบาทอย่างแน่นอน ซึ่งนโยบายการขายวันเดียวและปิดการขายได้ในทันทีจึงไม่ใช่สิ่งที่ดี

เหล่านี้คือการปรับตัวเพื่อรับกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงของคิวเฮ้าส์