ศาลยกฟ้องชายชุดดำครอบครองระเบิดเมื่อปี53
ศาลอาญาาพิพากษายกฟ้องชายชุดดำ ครอบครองระเบิด คาร์บอม ย่านรามอินทรา ปี 53 ชี้พยานหลักฐานโจทก์น้ำหนักไม่เพียงพอ พยานเบิกความขัดแย้งกัน
ศาลอาญาาพิพากษายกฟ้องชายชุดดำ ครอบครองระเบิด คาร์บอม ย่านรามอินทรา ปี 53 ชี้พยานหลักฐานโจทก์น้ำหนักไม่เพียงพอ พยานเบิกความขัดแย้งกัน
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1940/2558 พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี ในความผิดฐานครอบครองวัตถุระเบิด
คำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 จำเลยได้ร่วมกับพวกอีก 2 คน ร่วมกันครอบครองวัตถุระเบิด วงจรระเบิด อาวุธปืนสงครามซุกซ่อนในรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ซึ่งมีผู้แจ้งหายจอดทิ้งไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจส.น.โคกคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าเก็บกู้วัตถุระเบิด(EOD)ได้รับทราบเหตุแจ้งจากผู้หวังดี จึงเข้าตรวจค้นรถยนต์ของกลาง พบของกลางระเบิดซีโฟร์ ทีเอ็นที ดินระเบิด ระเบิดขวด ถังดับเพลิงบรรจุปุ๋ยยูเรีย และอาวุธปืนอาก้า ลูกกระสุนเอ็ม79 รวมจำนวน 20 รายการ ที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ย่านถนนรามอินทรา
โดยในวันนี้จำเลยถูกควบคุมตัวจากเรือนจำเดินทางมายังศาล
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้วเห็นว่า พนานบุคคลซึ่งเป็นผู้ดูแลอพาร์ทเมนต์ ที่เคยให้การในชั้นสอบสวนนั้นเบิกความขัดแย้งกับที่มาเบิกความในศาล และเป็นผู้มีส่วนได้เสียจึงไม่น่าเชื่อถือ ประกอบกับผลการตรวจดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝงของจำเลยเทียบกับวัตถุพยานของกลางไม่ตรงกับจำเลย เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้ลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลย กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาว่า นายกิตติศักดิ์ จำเลย ถูกฟ้องคดีนี้ฐานร่วมกับพวกอีก2คนในความผิดฐานครอบครองวัตถุระเบิด ซึ่งพวกอีก2คนนั้นมีคนหนึ่งยังตามจับกุมตัวไม่ได้ส่วนอีกคนหนึ่งศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องคดีซึ่งเป็นสำนวนเดียวกันนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วน นายกิตติศักดิ์จำเลยในคดีนี้นั้น ตกเป็น 1ในผู้ต้องหา 5 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น"ชายชุดดำ" ที่ก่อเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ในวันที่ 10เมษายน 2553 ที่แยกคอกวัว และถูกจับกุมได้ในช่วงเดือนกันยายน2557 โดยทหารชุดทำงาน ของคสช. และพนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นเป็นคณะทำงานพิเศษ ซึ่งตอนถูกจับกุมได้ถูกนำตัวไปควบคุมที่ค่ายทหารหลายวัน ต่อมานำตัวมาแถลงข่าวว่า ชายชุดดำทั้ง5 คน(มีหญิง1 คน) ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุในวันที่ 10 เมษายน2553 แต่ต่อมาภายหลังผู้ต้องหาทั้ง5 ได้ทำมอบหมายให้ทนายความ นำหนังสือยืนยันว่าพวกตนถูกบังคับและทำร้ายร่างกายในการสอบปากคำในสถานที่แห่งหนึ่ง และได้ขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง
อย่างไรก็ตามต่อมาอัยการได้ฟ้องชายชุดดำทั้ง 5 คนต่อศาลอาญา ข้อหาร่วมกันมีและครอบครองอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกมบอนุญาติได้ และข้อหาพาอาวุธไปในเมือง ร่วมกันก่อการร้าย เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2440/2557 ซึ่งคดีชายชุดดำดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ โดยที่ตัวจำเลยดังกล่าวไม่ได้รับการอนุญาตให้ประกันตัวแต่อย่างใด