"Ensogo"ปิดกิจการในอาเซียน ทำคนซื้อดีลไว้ป่วน
เอ็นโซโก้ประกาศปิดกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำคนซื้อคูปองดีลไว้ไม่สามารถนำไปใช้ได้ ขณะที่บริษัทเตรียมชี้แจงลูกค้าเร็วๆนี้
เอ็นโซโก้ประกาศปิดกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำคนซื้อคูปองดีลไว้ไม่สามารถนำไปใช้ได้ ขณะที่บริษัทเตรียมชี้แจงลูกค้าเร็วๆนี้
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. เว็บไซต์เทคอินเอเชียรายงานว่า เอ็นโซโก้ (Ensogo) เว็บไซต์ขายดีลคูปองสินค้าและบริการต่างๆ ได้ประกาศปิดกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในประเทศไทยด้วย พร้อมเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด โดยบริษัทได้แจ้งให้พนักงานรับทราบแล้ว และจะมีการชี้แจงต่อลูกค้าในอีกไม่กี่วันนี้
เอ็นโซโก้ ชี้แจงว่า การปิดหน่วยธุรกิจเป็นไปเพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัทสำหรับการลงทุนใหม่ๆ โดยก่อนหน้านี้ คริส มาร์สซาเลค ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทก็ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ไปแล้ว
ทั้งนี้ผลจากการประกาศปิดกิจการทำให้ลูกค้าในไทยจำนวนมากที่ซื้อคูปองดีลไว้แล้วไม่สามารถนำคูปองไปใช้งานได้ โดยร้านค้าต่างๆได้ทยอยประกาศงดรับคูปองที่ซื้อจากเอ็นโซโก้แล้ว ขณะที่ผู้บริโภคบางรายได้โทรศัพท์เข้าไปยังเบอร์โทรศัพท์คอลล์เซ็นเตอร์ของเอ็นโซโก้แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ
อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการของเอ็นโซโก้ได้รวมตัวตั้งเพจเฟซบุ๊ก "รวมผู้ได้รับผลกระทบensogo" (www.facebook.com/SosadEnsogo) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลแล้ว โดยได้ระบุคำแนะนำให้กับผู้ที่ซื้อคูปองจากเอ็นโซโก้ไว้ดังนี้
1.ตั้งสติ แล้วนึกให้ดี ว่าคุณซื้อดีลครั้งล่าสุดเมื่อไหร่
2.หยิบstatement(ประวัติการใช้บัตรเครดิต) สำหรับคนที่จ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือ ใบโอนเงินชำระค่าดีล ว่าคุณชำระ หรือโอนจ่ายเงินวันที่เท่าไหร่บ้าง (ตามภาพที่แนบ)
3.หากเป็นการชำระค่าดีลผ่านบัตรเครดิต ให้คุณติดต่อไปที่Call Centerของธนาคารนั้น แล้วแจ้งขอระงับการเรียกเก็บ หรือ ขอเรียกเงินคืน เพราะ รูปแบบบัตรเครดิตธนาคารนั้น เราแจ้งได้ว่าสถานะการของผู้ให้บริการนั้นไม่น่าเชื่อถือ (จากที่แอดมินโทรหาธนาคารเมื่อสักครู่ ธ.แจ้งว่าเอ็นโซโก้ยังอยู่ในสถานะปกติ แต่จะขอตรวจสอบให้ ) โปรดแจ้งยอดเงิน และวันที่จ่ายผ่านบัตรเครดิตกับธนาคาร
4.รอการติดต่อกลับ และการ REFUNDครับ
ทั้งนี้ เอ็นโซโก้เริ่มต้นธุรกิจแพลตฟอร์มร้านค้าดีลออนไลน์ในไทยและขยายธุรกิจไปยังอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง ซึ่งทางบริษัทได้พยายามเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจจากเว็บไซต์ค้าดีลออนไลน์ในรูปแบบเดียวกับกรุ๊ปปอนคู่แข่งรายสำคัญที่ปิดตัวในไทยไปแล้วก่อนหน้า โดยเอ็นโซโก้ได้พัฒนาไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือในช่วงปลายปี 2015
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในอาเซียนที่รุนแรงขึ้น หลังคู่แข่งอย่าง ลาซาด้าเพิ่งถูกอาลีบาบา บริษัทอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ในจีน ซื้อกิจการไปด้วยมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.5 หมื่นล้านบาท) เมื่อเดือน เม.ย. ทำให้เอ็นโซโก้เผชิญความท้าทายในการดึงดูดร้านค้าและผู้บริโภค นอกจากนี้ยังประสบปัญหาจากการรวมศูนย์บริหารจัดการที่สิงคโปร์ ซึ่งบริษัทอ้างว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกร้านค้าร้องเรียนไม่ได้รับการจ่ายเงินตรงตามเวลา และบริษัทยังต้องลดค่าใช้จ่ายด้วยการลดพนักงานให้เหลือเพียง 300 อัตรา จากเดิม 600 อัตรา เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ขณะที่รายงานผลประกอบการต่อเอเอสเอ็กซ์ยังพบว่า เอ็นโซโก้มีกระแสเงินสดคงเหลืออยู่เพียง 17.6 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (ราว 464 ล้านบาท) ในวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งหากบริษัทไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายหรือระดมเงินทุนได้ บริษัทอาจจะถึงขั้นขาดกระแสเงินสดทั้งหมดก่อนสิ้นปีนี้