รายได้3หมื่นเฮ สรรพากรชงไม่ต้องเสียภาษี

คนรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นได้เฮ คลังมีแผนไม่เก็บภาษีเงินได้ คาดเริ่มใช้ได้ปี 2560

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรเสนอการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในไตรมาส 1/2559 และจะให้มีผลบังคับใช้สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในปี 2560 ที่จะมีการยื่นแบบและเสียภาษี ในปี 2561

ทั้งนี้ ภายหลังการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครั้งนี้ จะทำให้ผู้มีรายได้มากกว่า 2 หมื่นบาท แต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท/เดือน ไม่มีภาระต้องเสียภาษี จากปัจจุบันที่กำหนดให้ผู้มีรายได้ไม่เกิน 2 หมื่นบาท ไม่มีภาระภาษี

สำหรับสาระสำคัญของการลดภาษีบุคคลธรรมดา จะมีทั้งการลดอัตราภาษี การเพิ่มหักค่าใช้จ่ายเหมารวมที่ปัจจุบันได้ 6 หมื่นบาท การพิจารณาค่าหักลดหย่อนในส่วนของบุตรได้ไม่จำกัดจำนวนคน และการหักลดหย่อนอื่นๆ โดยจะมีเพดานกำหนดว่าหักลดหย่อนรวมได้ไม่เกินเท่าไร แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ปัจจุบันมีบุคคลธรรมดายื่นแบบชำระภาษี 10 ล้านคน แต่มีผู้เสียภาษีจริงประมาณ 6-7 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้มีรายได้สุทธิเกิน 4 ล้านบาท ซึ่งต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราสูงสุด 35% อยู่ 1-2% ของผู้ที่ยื่นแบบภาษีทั้งหมด ซึ่งถือเป็นจำนวนไม่มาก และการปรับลดภาษีบุคคลธรรมดาในครั้งนี้ จะทำให้เกิดความเป็นธรรมของผู้มีรายได้มากและน้อยมากขึ้น

อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงอีกว่า นอกจากนี้การปรับภาษีบุคคลธรรมดาจะสอดคล้องกับอัตราภาษีนิติบุคคลที่เสียอยู่ 20% และเสียภาษีเงินปันผลอีก 8% รวมเป็น 28% ซึ่งหากลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดาสูงสุด 35% เหลือ 30% ก็จะมากกว่าภาษีนิติบุคคล 2% เท่านั้น

ด้านการเก็บภาษีในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 ดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันที่ผ่านมา แต่การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าน้ำมันและสินค้ายังต่ำกว่าเป้ามาก เนื่องจากราคาน้ำมันต่ำกว่าประมาณการมาก คาดจะทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มจากน้ำมันในปีนี้หายไปกว่า 1 แสนล้านบาท เหมือนปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การเก็บภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝาก 15% ก็ลดลงไปมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง

สำหรับมาตรการภาษีช็อปช่วยชาติ 1.5 หมื่นบาท ทำให้กรมสรรพากรเสียภาษี 5,000 ล้านบาท แต่คาดว่าจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากกว่า เพราะจากการสำรวจยอดขายสินค้าในช่วงมาตรการเพิ่มขึ้น 20-50%