posttoday

ระดมปล่อยกู้บ้านผู้สูงอายุ เน้นผ่อนยาว ดอกเบี้ยต่ำ

04 กรกฎาคม 2560

สมาคมธนาคารจับมือปล่อยกู้ที่อยู่อาศัยผู้สูงวัย 1 หมื่นล้าน ด้านธนาคารออมสินเตรียมปล่อยกู้รีเวิร์ส มอร์ทเกจ 1 หมื่นล้าน ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%

สมาคมธนาคารจับมือปล่อยกู้ที่อยู่อาศัยผู้สูงวัย 1 หมื่นล้าน ด้านธนาคารออมสินเตรียมปล่อยกู้รีเวิร์ส มอร์ทเกจ 1 หมื่นล้าน ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0%

ปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทยมีความเห็นร่วมกันในการสนับสนุนโครงการประชารัฐเพื่อสังคมของรัฐบาล ในการออกบริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้สูงวัย ให้สามารถกู้เพื่อซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่ หรือเพื่อต่อเติมซ่อมแซมสำหรับผู้สูงวัยและประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่ร่วมกับบิดามารดา โดยบิดามารดาต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 6 เดือนที่ผ่านมา และมีหลักฐานการหักลดหย่อนภาษีค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาจากกรมสรรพากรไม่น้อยกว่า 1 ปี

สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้สูงวัยของสมาคมธนาคารไทย จะปล่อยกู้ให้ลูกค้ารายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 30 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่กู้พร้อมทำประกันชีวิต 4.25% และในกรณีที่ไม่ได้ทำประกันชีวิตที่ 4.5% เฉลี่ย 3 ปีแรกโดยมีเป้าหมายในการปล่อยกู้รวมกันทุกธนาคารใน 6 เดือน จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ลูกค้าประชาชนที่สนใจใช้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้สูงวัยสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารพาณิชย์ไทย ที่เป็นสมาชิกสมาคมธนาคารไทยทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ เป็นต้นไปจนถึงสิ้นปี 2560

ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ค.นี้ ธนาคารเตรียมเปิดตัวโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ หรือรีเวิร์ส มอร์ทเกจ วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดยอัตราดอกเบี้ยใน 1-2 ปีแรก ธนาคารจะมีการผ่อนปรนให้ หรือคิดอัตรา 0% เพื่อดึงดูดให้ผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการในช่วงแรก แต่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยตลอดอายุสัญญาจะอยู่ที่ประมาณ 5-6%

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตอบรับเงื่อนไขและข้อกังวลต่างๆ พร้อมยังกำชับให้ธนาคารพิจารณาอำนวยสินเชื่อให้อย่างรอบคอบ โดยข้อกังวลของกระทรวงการคลังอยากให้ธนาคารชี้แจงข้อมูลของสินเชื่อให้กับทายาทของผู้สูงอายุที่จะเข้าร่วมโครงการอย่างละเอียดและชัดเจน เนื่องจากผู้สูงอายุต้องนำที่ดินมาจำนองไว้กับธนาคาร เพื่อให้ทายาทรับทราบล่วงหน้าจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง ซึ่งขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการทำสมุดคู่มือ หรือคำชี้แจงในการปล่อยสินเชื่อเพื่อแจกให้กับทายาทของผู้ขอสินเชื่อได้รับทราบหลักเกณฑ์ และยอมรับเงื่อนไขในการขอสินเชื่อในโครงการนี้ให้ดีเสียก่อน

สำหรับเงื่อนไขที่สำคัญ เช่น กรณีเมื่อทำการปล่อยสินเชื่อจนครบตามสัญญา ที่ดินที่มาจำนองไว้ ซึ่งเปรียบเหมือนหลักประกันในการปล่อยสินเชื่อให้ผู้สูงอายุรับสินเชื่อไว้ใช้จ่ายช่วงเกษียณ กรณีที่ผู้สูงอายุยังไม่เสียชีวิตเมื่ออายุครบ 85 ปี ธนาคารจะตีราคาประเมินหลักประกันให้ใหม่ เพราะเชื่อว่าราคาทรัพย์สินน่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามระยะเวลา ส่งผลให้ผู้สูงอายุยังคงได้รับสินเชื่อต่อไปได้อีก หรือเปิดโอกาสให้ธนาคารซื้อหลักประกันคืนได้

ขณะที่กรณีที่ผู้สูงอายุเสียชีวิต หลักประกันดังกล่าวจะต้องนำมาขายทอดตลาดให้ประชาชน หรือทายาทของผู้กู้ สามารถยื่นเรื่องขอสินเชื่อ หรือรับซื้อหลักประกันไว้เองได้ หรือกรณีที่มีการขายหลักประกันได้สูงกว่าสินเชื่อที่ปล่อยไป เงินส่วนต่างจะต้องยกให้ทายาท ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องมีการทำข้อตกลงยินยอมไว้ก่อนล่วงหน้า

ชาติชาย กล่าวต่อว่า ธปท.มีข้อกังวลและไม่เห็นด้วยเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารคิดแบบรายเดือน เพราะมีความเสี่ยงในการเกิดหนี้เสียได้หากผู้กู้ไม่จ่ายดอกเบี้ย ดังนั้น ธปท.จึงให้ธนาคารคิดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว โดยคำนวณการเสียชีวิต หรือครบกำหนดสัญญาที่อายุ 85 ปี แต่ระหว่างที่ปล่อยกู้ให้ธนาคารคิดเป็นรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยในทางบัญชีได้ เพื่อไม่ให้หนี้ดังกล่าวกลายเป็นหนี้เสีย ทั้งนี้ในช่วงแรกจะเริ่มนำร่องในเขต กทม.และปริมณฑลก่อน จะเน้นหลักประกันที่อยู่ในทำเลที่ดี