ประพุทธ์ พิมพามา การเริ่มต้นของเสียงแห่งความฝัน
พล็อตเรื่องของเด็กบ้านนอกเดินทางเข้ามาในเมืองกรุงเพื่อตามความฝัน อาจฟังดูเกลื่อนกลาด
โดย...พงศ์ พริบไหว ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
พล็อตเรื่องของเด็กบ้านนอกเดินทางเข้ามาในเมืองกรุงเพื่อตามความฝัน อาจฟังดูเกลื่อนกลาด แต่ทุกครั้งที่ได้ฟังกลับมีความรู้สึกถึงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ ยิ่งใหญ่ในมุมมองที่ว่าด้วยการเอาชนะหัวใจตัวเอง และชายคนนี้จาก จ.เลย ก็เช่นกัน
โอปอล์-ประพุทธ์ พิมพามา ศิลปินวัย 28 ปี เล่าให้ฟังว่า เขาเองชอบเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่มักได้ฟังเพลงของพ่อและแม่ในยุค 1970 อยู่ตลอดเวลา จึงซึมซับความชอบในเสียงเพลงจนทำให้หัดร้องหัดเล่นกีตาร์มาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าลุ่มหลงกับเสียงเพลงก็ว่าได้ โดยหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย เจ้าตัวก็เก็บกระเป๋าเข้ามาเมืองหลวง แบกความฝันมาก้อนใหญ่โต นั่นคือการเป็นศิลปิน...
“พอเข้ากรุงเทพฯ ผมก็เล่นดนตรีหาเงิน ก็ไปเข้าชมรมดนตรี มีวงของตัวเอง เริ่มได้พบเจอเพื่อนนักดนตรีที่หลากหลาย ก็ได้รู้จักเรียนรู้เรื่องดนตรี ทำวงไปเล่นหาเงิน ก็จริงจังมาเรื่อยๆ นะ หลายปีเลยเก็บประสบการณ์อยู่ตรงนั้น และด้วยความที่เราเป็นเด็กบ้านนอกก็รู้แค่ว่าต้องเล่นดนตรีอาชีพ ต้องมีเพลงของตัวเองก่อน แล้วถึงจะต่อยอดไปเป็นศิลปินได้ จนวันหนึ่งเหมือนโอกาสก็เข้ามา เราตัดสินใจเข้าไปประกวดร้องเพลง คือตอนแรกเราอคติกับการประกวดร้องเพลงนะ แต่พอรายการเดอะวอยซ์เข้ามา หลังจากเราดูการประกวดปีแรก ก็เห็นว่าเป็นรายการที่ดีนะ วัดกันที่เสียงจริงๆ ไม่ใช่วัดกันที่หน้าตา เราก็เลยลองดูเข้าไปสมัครเดอะวอยซ์ในปีที่สอง”
ชีวิตของพ่อหนุ่มคนนี้เรียกได้ว่าใกล้ความฝันมาเรื่อยๆ เจ้าตัวเข้ารอบและมีโอกาสเข้าไปยืนบนเวทีเพื่อให้โค้ชเลือกเสียงของเขา ทว่าก็จำต้องกลับบ้านก่อนเพราะในรอบแบตเทิลเจอเจ้าของเสียงคุณภาพที่สุดของทีมเข้าไป แต่ดูเหมือนเสียงของโอปอล์ในวันนั้นจะยังคงอยู่ในใจของผู้ที่ได้ยิน จากจุดนั้นเจ้าตัวเองจึงได้เข้าไปรู้จักกับ หนึ่ง-ณรงค์วิทย์ เตชะธนวัฒน์ และนั่นคือจุดเริ่มของความฝันที่ใกล้เข้ามาทุกที ก่อนที่นักร้องเสียงทรงเสน่ห์รวยอารมณ์ขันอย่าง สิงโต นําโชค จะกล่อมให้เข้ามาอยู่ด้วยกันในค่าย
“หลังประกวดเสร็จผมก็มีโอกาสเข้าไปร้องเพลงประกอบละครให้พี่หนึ่ง-ณรงค์วิทย์ ในละครเรื่องไฟรักเพลิงแค้น ซึ่งตอนนั้นพี่หนึ่งเขาคงเห็นว่าเสียงผมเข้ากับเพลงก็เลยเลือกผมไปร้อง ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่พี่สิงโต นำโชค แนะนำให้ผมเอาเดโมไปให้ทางค่าย วอท เดอะ ดัก (What The Duck) ฟัง เราก็พยายามเอาเพลงที่แต่งไป พอทางค่ายได้ฟังเขาก็ชอบเลย แล้วก็เอาเพลง Good Night ของเราไปเป็นซิงเกิ้ลแรก เหมือนฝันเลยนาทีนั้น”
หนุ่มหน้าหวานพูดถึงจุดเปลี่ยนชีวิตของเขา และการทำความฝันของตัวเองจนสำเร็จ ซึ่งหลังจากนั้นเขาเองมีผลงานมาอย่างต่อเนื่อง ได้ร้องเพลงประกอบละครอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันพอถึงตรงนี้โอปอล์เองได้กลายเป็นศิลปินแบบเต็มตัวสังกัดค่ายวอท เดอะ ดัก โดยซิงเกิ้ลล่าสุดของเจ้าตัวที่กำลังปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันคือเพลงชื่อ “อึกอัก” เป็นเพลงป๊อปใสๆ ที่โชว์เสียงร้องอันชวนหลงรักของพ่อหนุ่มคนนี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเล่าความรู้สึกให้ฟังต่อว่า
“ภาพมันยังติดอยู่ในหัวเราอยู่เลยนะ วันที่เอาเพลงของเราไปนำเสนอที่ค่าย แล้วมันตื่นเต้นมากนะ ตั้งแต่เดินเข้าไปที่ค่ายเพลงเลย ในตอนที่พี่เขาต้องฟังเพลงเราว่าจะถูกใจเขาหรือเปล่า มันยิ่งตื่นเต้นเหมือนการรอคำตอบที่จะเปลี่ยนชีวิตเรา พอพี่เขาว่าผ่าน เฮ้ย! เราดีใจมากมันเหมือนมีกำลังใจที่จะทำงานเพลงต่อ ซึ่งพอมาถึงจุดนี้มันยิ่งทำให้รู้เลยว่าการเป็นศิลปินจริงๆ คืออะไร นั่นคือการที่เราต้องหาการทำงานในแบบตัวเองให้เจอ และสร้างงานที่มีคุณภาพให้ได้ นั่นคือสิ่งที่ถูกสอนมาจากพี่ๆ”
พ่อหนุ่มจากเมืองเลยพูดไว้เช่นนั้น และคาดหวังไว้ว่าบทเพลงของเจ้าตัวจะถูกอกถูกใจผู้ฟัง