นนท์ณัฐดา อำมาตย์ เทรนเนอร์คิวทองผู้ปั้นหุ่นเป๊ะให้ซุป'ตาร์
สาวๆ เฮลตี้ที่กำลังฟิตร่างเพื่อให้มีซิกซ์แพ็กต้องรู้จักกับเทรนเนอร์สาวคนนี้ เชอรี่-นนท์ณัฐดา อำมาตย์ หรือมิสฟิตเนสสุดสวยดีกรีนักกีฬาเพาะกายฟิตเนสทีมชาติไทย
โดย...กองทรัพย์ ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
สาวๆ เฮลตี้ที่กำลังฟิตร่างเพื่อให้มีซิกซ์แพ็กต้องรู้จักกับเทรนเนอร์สาวคนนี้ เชอรี่-นนท์ณัฐดา อำมาตย์ หรือมิสฟิตเนสสุดสวยดีกรีนักกีฬาเพาะกายฟิตเนสทีมชาติไทย ด้วยเทคนิคการเวทเทรนนิ่งจากประสบกาณ์ที่สั่งสมมาหลายปีบวกกับเทคนิคและคำแนะนำด้านโภชนาการ ทำให้เธอกลายเป็นคนสำคัญในการปั้นหุ่นสุดเป๊ะให้กับเหล่าคนดังมากมายทั้ง กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาส, ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต, แอน ทองประสม, คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ และสาวๆ เดินดินกินข้าวแกงอีกมากมายที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองได้ด้วยฝีมือเธอคนนี้
เพาะกายบ่มเพาะคน
เรานัดเจอครูเชอรี่ของสาวๆ ที่ คาสเคท คลับ (Cascade Club) เฮลท์คลับสุดหรูที่ให้ความเป็นส่วนตัวใจกลางสาทร หลังจากโพสท่าสุดสตรองให้เราเก็บภาพแล้ว เธอก็เริ่มเล่าที่มาของฉายาเทรนเนอร์เซเลบให้ฟังว่า จากเด็กสาวที่เป็นครูสอนเต้นแอโรบิกหารายได้พิเศษเพื่อเป็นทุนในการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย การอยากมีซิกซ์แพ็กจุดประกายให้เธอขวนขวายและก้าวเข้าสู่วงการกีฬาเพาะกายในที่สุด
“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เราเข้าไปในยิมสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง มีโอกาสได้รู้จักกับรุ่นพี่นักกีฬาเพาะกายทีมชาติ พี่โอ๋ (สิทธิ เจริญฤทธิ์) แชมป์โลก 3 สมัย พี่เจี๊ยบ (อภิภรณ์ ชมสมบูรณ์) ซึ่งเป็นครูของเชอรี่สมัยก่อน และพี่ซิงห์ (รุ้งตะวัน จินดาซิงห์) ซึ่งตอนนั้นไทยมีนักกล้ามสาวสองคนดังมาก ทั้งสองคนนี้เป็นคนปูพื้นฐานการเล่นฟิตเนสให้ เป็นคนชักชวนให้เราเล่นกีฬาชนิดนี้ แนะนำให้คัดเลือกทีมชาติ ทำให้เชอรี่ค้นพบทางของตัวเอง ถึงเราไม่ได้แชมป์โลกแต่เราก็มีความสุข”
สำหรับนักเพาะกายมือใหม่อย่างเชอรี่ในตอนนั้น เธอบอกว่าในความสุขที่ได้พบมีทั้งความกดดันและความเครียด และต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อไปสู่เป้าหมาย “กีฬาชนิดนี้ที่ยากที่สุดคือการเอาชนะใจตัวเอง อย่างแรกเราไม่ต้องไปสู้กับใคร เราจะต้องตื่นมาคาร์ดิโอตอนเช้า แบ่งเวลามาซ้อมในฟิตเนส ต้องเตรียมอาหารทานเอง จะต้องมีตารางการซ้อม มีตารางอาหารของตัวเอง จะไปไหนจะต้องเตรียมอาหารของเราเอง เราต้องเป๊ะ และยิ่งเราเตรียมตัวในการแข่งขัน เรื่องโภชนาการในช่วง 2 เดือนสุดท้ายจะต้องเป๊ะมากๆ เพราะฉะนั้นจะต้องต่อสู้กับใจตัวเอง เด็กบางคนที่เข้ามาใหม่ต้องเตรียมตัวเป็นปีๆ เพื่อแข่งหนึ่งรายการ ซึ่งเราเองกว่าจะชินก็ใช้เวลานานเป็นปีเหมือนกันค่ะ” เทรนเนอร์สาวแชร์ประสบการณ์
ฉายาเทรนเนอร์ซุป'ตาร์
“หลายคนจะเข้าใจผิดคิดว่าเชอรี่เทรนแต่ดาราเซเลบเหรอ ความจริงคือไม่ใช่ เพราะนักเรียนเชอรี่ 70 เปอร์เซ็นต์คือคนทั่วไป ที่เหลือเป็นศิลปินดารา” เธอรีบออกตัวเมื่อเราถามถึงฉายาที่ใครๆ ต่างยกให้ เพราะคนที่ติดตามเธอในอินสตาแกรมส่วนตัว (Cherry_Missfitness) จะเห็นภาพวิดีโอและภาพถ่ายของศิลปินนักแสดงหลายคน จึงเข้าใจไปว่าเธอรับสอนเฉพาะคนดังเท่านั้น
“ที่เราใช้ดาราเป็นสื่อ เพราะอยากให้ผู้หญิงที่กลัวว่าการเล่นกล้าม เล่นเวทเทรนนิ่งจะทำให้ล่ำ ทำให้กล้ามใหญ่นั้นเขาเข้าใจผิด เลยต้องใช้ศิลปินดาราที่มาเทรนกับเราเป็นสื่อเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้เขา รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ ที่ติดตามเราด้วย เราชัดเจนมาตลอดว่ากลุ่มเป้าหมายคือผู้หญิง ที่เน้นเพราะว่าการที่ได้เทรนผู้หญิงทำให้เราเข้าถึง และเป็นเรื่องที่เราอยากถ่ายทอดให้ผู้หญิงเข้าใจว่าเวทเทรนนิ่งทำให้เรามีรูปร่างและบุคลิกภาพที่ดีขึ้นได้อย่างไร โดยไม่ต้องกลัวว่าจะล่ำ เราอยากโฟกัสผู้หญิงให้ตรงประเด็น”
เชอรี่เล่าย้อนเส้นทางเทรนเนอร์ของตัวเองว่า เมื่อประมาณ 8-9 ปีที่แล้ว เป็นนักกีฬาฟิตเนสเพาะกายทีมชาติไทย ถึงแม้ว่าตอนนั้นมันจะยังไม่ดัง ยังไม่มีใครรู้จัก แต่ด้วยความที่เริ่มเล่นแล้วชอบ "จากที่เราเปลี่ยนรูปร่างได้จริง จนกระทั่งนำมาสู่เส้นทางการเป็นนักกีฬาทีมชาติ ก็เลยภูมิใจลึกๆ ช่วงนั้นต้องเก็บตัว ทำให้ต้องอยู่ยิมทั้งวัน ไลฟ์สไตล์ของเราทำงานด้านอื่นก็ลำบาก เลยคิดว่าอาชีพ Personal Trainer เหมาะกับเรา เพราะสามารถจัดสรรเวลาได้ว่าจะสอนและซ้อมช่วงเวลาไหน เริ่มจากทำงานในฟิตเนสเพื่อเรียนรู้การทำงานในระบบ ได้รู้จักคนเยอะมากขึ้น พอได้ประสบการณ์ 2-3 ปี ก็ผันตัวเองออกมาเป็นฟรีแลนซ์สอนตามบ้านตามคอนโด โรงแรม แม้จะลำบากหน่อยช่วงแรกแต่มีความสุข
ทำงานเทรนเนอร์มาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีโอกาสได้ไปออกรายการกาละแมร์ในฐานะตัวแทนสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย พี่แมร์ชวนทำคลิปแนะนำการออกกำลังกายสั้นๆ ท้ายรายการ จากนั้นก็ได้เทรนให้จริงจัง ตอนนั้นคิดว่าถ้ามีโอกาสได้เทรนคนดังต้องทำให้ดีที่สุด ก็เริ่มเข้าโปรแกรม 3 เดือน คือทั้งอาหารและการออกกำลังกาย เขาเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง และคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของพี่แมร์อย่างคุณชมพู่ อารยา ก็สนใจและติดต่อให้เราเทรน หลังจากนั้นก็มีคนติดต่อให้เทรนมาเรื่อยๆ บางคนเราก็ไม่รู้ว่าเขาดังจนกระทั่งได้เรียนด้วยกัน เพราะบางรายก็ให้ผู้จัดการติดต่อเข้ามา
สไตล์ของเชอรี่จะฟังก์ชั่นนัลเทรนนิ่ง เน้นการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน คุณสามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ อยู่ที่ไหนได้หมด เราจะเน้นทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายให้ถูกต้องการคอนโทรลกล้ามเนื้อให้ถูกต้องซึ่งสำคัญมาก เชอรี่มองว่าข้อดีของการมีเทรนเนอร์คือเขาจะออกแบบการเทรนได้เลยเพียงแค่เห็นรูปร่างครั้งแรก เขาจะรู้ว่าจะทำให้คุณมีรูปร่างดีได้อย่างไร อย่างที่สองคือเขาดีไซน์โปรแกรมการออกกำลังกายและหลักโภชนาการเบื้องต้นของเราได้” เจ้าของฉายาเทรนเนอร์ซุป'ตาร์ เล่า
ตารางเวลาเทรนเนอร์คิวทอง
หากเป็นสมัยก่อนตารางหนึ่งวันของเชอรี่จะมีเพียงการซ้อมและการสอน คือ ช่วงเช้าถึงเที่ยงฟิตซ้อมร่างกายก่อนทำงานเทรนนักเรียน ช่วงบ่ายทำงาน จากนั้นช่วงดึกก็ทำการซ้อมอีกหนึ่งรอบ “ตอนนี้ความรับผิดชอบมากขึ้น เราเทรนคิวแรก 7 โมงเช้า เสร็จหนึ่งทุ่ม แล้วจากนั้นก็ซ้อมตอนเย็นยาว ทำแบบนี้ทุกวัน เพราะฉะนั้นตารางเวลาของเราก็จะฟิกซ์มาก ถ้าทำได้ตามตารางก็จะได้ผลค่อนข้างดี วางแผนสัปดาห์ต่อสัปดาห์ ทุกวันอาทิตย์เชอรี่จะส่งตารางการเทรนไปให้นักเรียน เพื่อให้ทุกคนคอนเฟิร์มก่อนจะเริ่มงานใหม่ในเช้าวันจันทร์”
วงการกีฬาเพาะกายและฟิตเนสทำให้เชอรี่มีความรู้และสร้างอาชีพให้เธอ ดังนั้นเธอบอกว่าทุกครั้งที่ได้รับโอกาสให้ลงแข่งขันในนามประเทศไทยเธอจะทำโอกาสที่ได้รับให้ได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามเป้าหมายของสาวคนนี้คืออยากมีสตูดิโอเล็กๆ ของตัวเอง และเป็นโลโก้ของสาวไซส์ใหญ่ที่อยากเปลี่ยนรูปร่าง
“เชอรี่อยากเป็นคนที่สาวบิ๊กไซส์แต่อยากมีรูปร่างและสุขภาพดีนึกถึงเป็นคนแรก ไม่ต้องเป็นเซเลบหรือดาราก็ได้ เพราะเราอยากให้ผู้หญิงทุกคนรักรูปร่างตัวเอง ดังนั้นเชอรี่จึงทำพ็อกเกตบุ๊กเพื่อแชร์ประสบการณ์การสร้างซิกซ์แพ็กซุป'ตาร์ รวมทั้งการที่คุณแม่ลูก 2 ให้กลับมามีซิกซ์แพ็ก เราอยากให้คนอ่านได้เห็นเรียลโมเดลที่ประสบความสำเร็จไม่เฉพาะคนดังเท่านั้น”
ต้องอดใจรอหนังสือของเทรนเนอร์คนดัง เพื่อเก็บเกี่ยวกำลังใจจากตัวเธอ และเรียลโมเดลของเธอเสียแล้ว