อธิวัฒน์ อัศวศิรโยธิน ไลฟ์สไตล์แสนสุขทุกคนเข้าถึงได้

โดย...วรธาร ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข

หนุ่มสังคมและนักบริหารรุ่นใหม่วัย 23 ปี แต่ความรู้ความสามารถบรรเจิดเกินวัย อาร์ตี้-อธิวัฒน์ อัศวศิรโยธิน บุตรคนกลางและลูกชายคนเดียวของสิทธิชาติ และกรนันท์ อัศวศิรโยธิน เจ้าของเทวัญ ดารา รีสอร์ท แอนด์ สปา อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันนั่งตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการเทวัญ ดารา รีสอร์ท แอนด์ สปา ดูแลด้านประชาสัมพันธ์ มาร์เก็ตติ้ง และการขาย    

งานปัจจุบันและธุรกิจ (อยากทำ) ในอนาคต

อาร์ตี้ เพิ่งเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจรีสอร์ทของครอบครัวได้ประมาณ 1 ปีกว่าๆ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2556 ซึ่งเขายอมรับว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะธุรกิจรีสอร์ทโรงแรมเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ซึ่งถ้าหากมีเหตุการณ์หรือภาวะต่างๆ ไม่ดีเกิดขึ้นในโลก ผู้คนก็ไม่อยากมาเที่ยว

“ผมว่ามิใช่แค่ประเทศไทย ทั้งโลกก็เหมือนกัน ถ้าสมมติเกิดมีภาวะหรือเหตุการณ์ไม่ดี ไม่ว่าจะในเรื่องของเศรษฐกิจที่ไม่ดี คนก็ไม่อยากเที่ยว ความปลอดภัยหรือเรื่องภัยต่างๆ ที่ทำให้คนกลัวไม่กล้าเดินทางไปเที่ยว ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อจิตวิทยาของคนและกระทบกับการท่องเที่ยวบ้าง แต่เราก็มีวิธีรับมือตรงนี้อยู่แล้ว ทว่าช่วงปีใหม่ดีขึ้นเพราะแต่ละคนออกไปเที่ยวกัน มีการจับจ่ายใช้สอย อารมณ์ของคนไทยค่อนข้างแฮปปี้”

 

เขาเล่าถึงการทำงานให้ฟังว่า ทุกวันนี้ยังคงแฮปปี้กับการช่วยธุรกิจที่บ้าน แต่อนาคตยังคงมองถึงการมีธุรกิจของตัวเอง และธุรกิจที่น่าสนใจคือธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น ง่ายขึ้น และมีความสะดวกยิ่งขึ้นโดยเฉพาะชีวิตของคนเมืองที่ควรต้องมีสิ่งอำนวยความ สะดวกเข้ามาเสริม เนื่องจากวิถีคนเมืองค่อนข้างเร่งรีบแข่งกับเวลา

“ตอนนี้ยังไม่มีครับ เพราะเพิ่งจะมาช่วยธุรกิจที่บ้าน แต่อนาคตตั้งใจจะทำเหมือนกันแต่คงอีกหลายปี ผมสนใจพวกแอพพลิเคชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตคนเมือง ยกตัวอย่าง ทุกวันนี้โทรศัพท์มีแอพต่างๆ เช่น แอพเรียกแท็กซี่ แอพเรียกมอเตอร์ไซค์ สั่งอาหาร บริการซักผ้า แต่ผมต้องการทำแอพที่ไม่ซ้ำกับที่คนอื่นทำอยู่แล้ว ผมเคยคิดแอพหนึ่งสำหรับนักเรียนเวลาทำการบ้านไม่เข้าใจสามารถเปิด
แอพนี้ ในแอพจะมีติวเตอร์ออนไลน์ ถ้าคีย์คำถามไม่ว่าจะเกี่ยวกับวิชาอะไร เช่น วิทย์ คณิต ก็จะมีคนมาตอบ อันนี้ผมคิดนานแล้วบ้านเราไม่น่าจะมี” เขาพูดถึงธุรกิจที่อยากทำในอนาคต

พัฒนาตนจากการอ่าน

อีกมุมของผู้บริหารหนุ่มนอกเหนือจากการทำงานแล้วเขาชอบอ่านหนังสือ แต่หนังสือที่อ่านส่วนใหญ่จะเป็นประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจากหลากหลายวงการ ไม่ใช่หนังสือที่เป็นแนวโนว์ฮาวทั้งหลาย เพราะเขาเชื่อว่าคนทุกคนไม่ได้มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวเสมอไป แต่ละคนก็มีวัน เบสต์ เวย์ของตัวเอง       

“ผมว่าหนังสือมีอิทธิพลต่อชีวิตผมมาก แต่ผมไม่ชอบอ่านหนังสือที่เป็นโนว์ฮาวนะ เช่น ทำอย่างไรจึงจะรวย หรือต้องทำอย่างนี้ๆ จึงประสบความสำเร็จ ผมว่าไอเดียทั้งหลายในหนังสือก็ดีอยู่ แต่อาจจะไม่เหมาะกับผม เพราะผมเชื่อว่าคนเราทุกคนไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่หนังสือที่ชอบอ่านคือประวัติของบุคคลในวงการต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ เช่น นักธุรกิจ นักร้อง ดารา คนดัง นักกีฬา เป็นต้น

หนังสือแนวนี้จะทำให้เราได้เห็นมุมมองที่หลากหลายของพวกเขา เพราะหนังสือไม่ได้เล่าเฉพาะความสำเร็จ แต่จะพูดถึงความผิดพลาดของเขา รวมถึงวิธีการหรือแนวทางแก้ไขของเขาไว้ด้วย ยกตัวอย่าง ริชาร์ด แบรนสันส์ เจ้าของเวอร์จิ้น ผมชอบมาก เขาไม่เหมือนใคร กล้าคิดกล้าทำ ในประวัติของเขาก็จะเล่าความผิดพลาดตอนเด็กหลายอย่าง เช่น เรียนไม่เก่ง ขี้อาย กลัว ไม่กล้าทำอะไร แต่เขาก็พยายามเอาชนะมันและชนะจนได้เมื่อเริ่มโตขึ้น เขาทำให้ผู้คนพุ่งความสนใจมาที่เขา”

อาร์ตี้ ยอมรับว่า ชีวิตคนเราไม่มีอะไรที่เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง เขาเชื่อว่าแต่ละคนย่อมมีจุดอ่อนและจุดแข็งที่ไม่เหมือนกัน ทุกอย่างจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป และโอกาสที่จะผิดพลาดก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ทว่าเมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้นแล้วต้องรู้จักที่จะแก้ไขหรือป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก

ไลฟ์สไตล์ในความเรียบง่าย

เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ต้องยอมรับว่า ผู้บริหารหนุ่มแห่งเทวัญ ดารา รีสอร์ท แอนด์ สปาผู้นี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย การท่องเที่ยว การแต่งกาย การเข้าสังคม และอีกหลายอย่าง โดยเขาเชื่อเสมอว่าความสุขในเรื่องของไลฟ์สไตล์ทั้งหลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

“ตอนเช้าๆ เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเฟรชพอดีอากาศกำลังสดชื่น 6 โมงเช้าผมจะไปออกกำลังกายด้วยการวิ่งทุกวัน เป็นการปลุกตัวเองให้พร้อมสำหรับการทำงานด้วย ผมเชื่อว่าการวิ่งในตอนเช้าทุกวันจะทำให้การไหลเวียนของเลือดและระบบหายใจดี อีกอย่างยังช่วยต้านอนุมูลอิสระด้วย เพราะเคยอ่านเจอคอลัมน์หนึ่งเขาบอกว่าการที่เราสูบออกซิเจนบ่อยๆ จะช่วยให้ฆ่าพวกเซลล์มะเร็ง อันนี้ผมเคยอ่านมา แต่สิ่งที่ได้แน่ๆ คือ ร่างกายแข็งแรง จิตใจปลอดโปร่ง และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานที่ดีในแต่ละวันด้วย”

 

ขณะที่วันว่างจากการทำงาน อธิวัฒน์ชอบใช้เวลาไปกับการท่องเที่ยวที่พร้อมให้เขาเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจรีสอร์ทของตัวเอง โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ชอบไปส่วนใหญ่จะเป็นรีสอร์ทและโรงแรมตามที่ต่างๆ เช่น สมุย ภูเก็ต สิงคโปร์ ฮ่องกง มัลดีฟส์ เป็นต้น

“สถานที่และเมืองเหล่านี้จะมีรีสอร์ทเก๋ๆ ไปเปิดกัน มีวิลล่าที่มีการตกแต่งสวยงามและแตกต่างกันไป โดยแต่ละที่ก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง บางที่ตกแต่งเก๋ไก๋แปลกตา ไม่เหมือนที่อื่นๆ ไปดูแล้วชอบก็เอามาประยุกต์กับการตกแต่งของเราบ้าง หรือแม้แต่รูปแบบการบริการของเขาเราก็เอาไอเดียมาปรับใช้ด้วย และความที่ชอบอ่านนิตยสารไลฟ์สไตล์ เช่น บีเค แมกกาซีน ซึ่งจะแนะนำร้านอาหาร บาร์ใหม่ๆ เก๋ๆ ผมก็มักจะไป ไม่ใช่ต้องไปที่แพงๆ แต่เชื่อว่าทุกที่มีบางอย่างให้ไปค้นหาเสมอ แม้มาร์เก็ตเปิดใหม่ผมก็ไป”

อาร์ตี้ ยอมรับว่า ค่อนข้างให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์เพราะเป็นความสุขที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป ไม่ว่าจะในเรื่องของอาหารการกิน การท่องเที่ยว การแต่งตัว เป็นต้น ถึงจะงบไม่เยอะทุกคนก็สามารถที่จะสนุกและมีความสุขได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงโดยไม่จำเป็น

“ผมเองเวลาไปเที่ยวหรือไปเยี่ยมเพื่อนที่ต่างประเทศก็ซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นธรรมดา พักก็พักโรงแรมธรรมดา กินอาหารก็ไม่ได้กินอาหารแพงเลิศหรูอะไร ไปเจอเพื่อนก็สนุกได้เหมือนกัน ผมว่าความสุขในเรื่อง
ไลฟ์สไตล์เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ซึ่งไม่จำเป็นต้องแพง ต้องหรู หรือต้องโชว์ ผมว่าความสุขจากไลฟ์สไตล์มันต่างกับความสุขจากการซื้อของหรูๆ แพงๆ เช่น รถแพง นาฬิกาแพงนะ เพราะถ้าอย่างนั้นก็เป็นเรื่องความสุขและรสนิยมส่วนบุคคลมากกว่า”

ชอบแต่งตัวด้วยสูท

สิ่งหนึ่งที่อธิวัฒน์ให้ความสำคัญคือการแต่งตัว โดยสไตล์ในการแต่งตัวของเขาจะแต่งด้วยสูท และส่วนใหญ่จะเป็นแนวลำลองและไม่นิยมผูกไท ซึ่งเขาให้ความเห็นว่าการผูกเนกไทเหมือนการรัดตัวเอาไว้ ดูเข้าถึงยาก และเป็นทางการมากไป ซึ่งเขาไม่ชอบ

“จริงๆ ผมมีไทหลายเส้นนะ แต่ไม่ชอบผูก จะใส่เป็นบางโอกาสและงานที่มีธีมให้ผูกมากกว่า แต่ถ้าให้แต่งตัวผูกไทเหมือนนักธุรกิจเป็นทางการจะไม่ชอบและไม่แต่ง แต่ก็ต้องดูว่าเราไปงานอะไรด้วย ต้องให้เกียรติเจ้าของงาน เช่น งานเปิดตัวสินค้าหรือปาร์ตี้ก็ต้องดูเจ้าของงาน แต่เวลาแต่งจะมีแพตเทิร์นที่ผมจัดเตรียมไว้อยู่แล้ว ทั้งไท ทั้งสูท สีสันไม่เยอะ ทุกงานจะไม่ต่างกันมาก”

เมื่อถามถึงการแต่งตัวสำหรับคนที่ชอบสูท อธิวัฒน์ แนะนำว่า ถ้าเป็นสูทอย่าให้หลวมเกินไป ควรต้องพอดี ถ้าหาสูทพอดีไม่ได้ ควรเลือกฟิตไว้ก่อน เพราะไม่ว่ารูปร่างจะอ้วนหรือผอมสูทฟิตก็ทำให้ใส่แล้วดูดีกว่าแน่นอน อันนี้เป็นสูตรสำเร็จเลยก็ว่าได้

“อันนี้เรื่องจริงผมเทสต์มาแล้ว ต่อให้คุณหุ่นดีแค่ไหนแต่ถ้าสูทใหญ่หลวมก็จะดูรุ่มร่าม ทุกอย่างจึงต้องพอดี ต้องเป๊ะ ถ้าเป๊ะไม่ได้ก็ต้องอย่าหลวม ส่วนยี่ห้อแล้วแต่คนชอบ ขอแค่เลือกสูทและสีที่เหมาะสมกับเรา หมายถึงเหมาะกับรูปร่างและบุคลิกของเราด้วย บางคนจะไปแต่งฉูดฉาดมากก็ไม่ได้ แต่บางคนต้องมีสีสันบ้างขึ้นกับบุคลิกของแต่ละคนครับ”