พอพล ตันสกุล หนุ่มนักการตลาดมาดเท่

โดย...วนิชชา-ภาดนุ ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

พอพล ตันสกุล หรือ ปิ๊ก หนุ่มนักการตลาดมากความสามารถ วัย 28 ปี ดีกรีนักเรียนอังกฤษ นอกจากชีวิตด้านการเรียนและการทำงานที่น่าสนใจแล้ว หนุ่มคนนี้ยังมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง มีความคิด และพูดจาตรงไปตรงมา นี่จึงถือเป็นเสน่ห์ในตัวเขาซึ่งไม่อาจมองข้ามได้

“ช่วงที่เป็นวัยรุ่นผมมีโอกาสได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแว้บๆ ทั้งถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา และเล่นมิวสิกวิดีโอ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้อาย การเป็นนักแสดงจึงไม่ใช่เส้นทางที่ผมชอบ ผมจึงหันมามุ่งมั่นทางเรื่องเรียนมากกว่า จนเรียนจบปริญญาตรีด้านการท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร พอจบปริญญาตรีได้ไม่นานผมก็บินไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารจัดการสาขาการตลาด ที่มหาวิทยาลัยนอร์ททัมเบรีย เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ

เมื่อเรียนจบปริญญาโท ผมก็กลับมาเมืองไทยและเริ่มทำงานในตำแหน่งผู้จัดการด้านการจัดซื้อที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ทำได้พักใหญ่ๆ ผมก็ย้ายไปเป็นผู้จัดการนาฬิกาแบรนด์ทอยส์วอตช์อยู่ 3 ปี แล้วจึงลาออกเพื่อไปเป็นผู้จัดการฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดที่สถาบันความงามแห่งหนึ่ง กระทั่งปัจจุบันผมได้ย้ายมาทำงานที่คลินิกความงามชื่อดังอีกแห่งหนึ่งในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดเช่นกัน”

ปิ๊กบอกว่า เหตุผลที่เขาเลือกเรียนด้านการบริหารจัดการสาขาการตลาด ก็เพราะรู้สึกว่ามีความน่าตื่นเต้นและน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เขาจึงตัดสินใจเรียนต่อทางด้านนี้โดยตรงเพราะคิดว่าน่าจะทำได้ดี

“ต้องบอกว่าการตลาดเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับผม เพราะมันมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา คือการตลาดมันเป็นเรื่องของการสื่อสาร เป็นเรื่องของการหาความแปลกใหม่ เพราะในปัจจุบันจะเห็นว่าทุกที่ก็ทำการตลาดกันหมด แล้วทุกที่จะลงทุนด้านการตลาดเยอะมาก บางครั้งไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจขนาดใหญ่อย่างเดียว แบรนด์สินค้าเล็กๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างโดยใช้การตลาดเข้ามาช่วยได้ ซึ่งจะทำให้กลุ่มลูกค้าสนใจมากยิ่งขึ้น

 

ผมใช้กลยุทธ์ทางด้านการตลาดเข้ามาช่วยงานด้านธุรกิจความงามที่ผมรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ซึ่งบอกได้เลยว่าตัวมาร์เก็ตติ้งสมัยนี้มันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากทุกคนเริ่มใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น อย่างเฟซบุ๊กนี่ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น รวมถึงการทำแคมเปญต่างๆ ทางออนไลน์ด้วย ซึ่งทุกวันนี้มีคู่แข่งเยอะมาก เพราะคลินิกความงามทุกรายก็หันมาโฟกัสในจุดเดียวกับเราหมด ทั้งเรื่องการขายและเรื่องโปรโมชั่น เนื่องจากการทำการตลาดในออนไลน์มันแพร่หลาย ใครก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย แม้เราจะคิดแคมเปญใหม่ๆ โดยทำเป็นคลิปวิดีโอออกมา แต่เราก็ถูกคู่แข่งรายอื่นก๊อบปี้อยู่ดีครับ”

แน่นอนว่า เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงานเข้ามาก็ต้องรีบแก้ไข ปิ๊กจึงต้องปรึกษาหารือกับทีมงานอยู่เสมอ โดยทั้งคิดและปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือวางแผนการตลาดแนวใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกับแบบเดิมๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจจากลูกค้าที่มาใช้บริการ

“นอกจากอุปสรรคเรื่องคู่แข่งแล้ว การเป็นหัวหน้าฝ่ายยังต้องเจอกับปัญหาด้านคนหรือบุคลากรอีกด้วย วิธีแก้ไขคือต้องใจเย็นๆ และค่อยๆ แก้ปัญหาไปทีละเปลาะจนปัญหานั้นหมดไป อย่างแผนการตลาดหรือแคมเปญใหม่ที่เราคิดออกมาแล้วโดนคู่แข่งก๊อบปี้ไอเดียไปทำเลียนแบบบ้าง เราก็แก้ด้วยการเปลี่ยนแคมเปญใหม่ๆ ทุก 3 เดือน

 

ถ้าแคมเปญนี้เราทำแล้วดัง คู่แข่งมาก๊อบปี้ เราก็เปลี่ยนใหม่ให้เหมือนกับเทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้า ถ้าทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไป วิธีสุดท้ายของผมก็คือการปลีกวิเวกไปนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เมื่อความคิดตกผลึกแล้ว ผมเชื่อว่าก็จะได้คำตอบที่สามารถแก้ปัญหานั้นได้เองครับ”

ชายหนุ่มบอกว่า หลักในการทำงานที่เขายึดมั่นมาตลอดก็คือ นิสัยที่กัดไม่ปล่อยของเขา ถ้าลองได้ตั้งเป้าไว้แล้ว ยังไงก็ต้องทำให้ได้หรือทำให้ถึงที่สุดก่อนทุกครั้ง...

“สมมติถ้าผมเป็นคนขายก๋วยเตี๋ยว แล้ววันหนึ่งลูกค้าเดินมาบอกว่า รสชาติก๋วยเตี๋ยวยังไม่ค่อยอร่อยนะ ผมก็ต้องปรับสูตร ปรับปรุงรสชาติ และขายก๋วยเตี๋ยวต่อไปจนกว่าลูกค้าจะพูดว่ามันอร่อย ไม่ว่าจะใช้เวลาเป็น 10 ปี ผมก็ต้องทำก๋วยเตี๋ยวให้อร่อยให้ได้ ฉะนั้นทุกครั้งที่ผมตั้งเป้าไว้ว่าจะทำอะไร ผมก็จะต้องทำมันให้ได้ นี่แหละนิสัยกัดไม่ปล่อยของผม (หัวเราะ)

ความใฝ่ฝันในอนาคตของผมก็คือ ผมอยากเปิดบริษัทนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคของตัวเองขึ้นมา ตอนนี้ก็ค่อยๆ คิด ค่อยๆวางแผนอยู่ครับ โดยตั้งเป้าไว้ว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 5 ปี ความฝันของผมน่าจะเป็นจริงได้ คือจริงๆ แล้วต้องบอกว่าผมเคยทำธุรกิจส่วนตัวมาหลายอย่างแล้ว ก็มีที่ล้มเหลวและต้องหยุดไป ไม่ประสบความสำเร็จสักที ผมก็กลับมานั่งคิดว่าเรายังขาดอะไร ก็ได้คำตอบว่าเรายังขาดประสบการณ์นั่นเอง ปัจจุบันผมจึงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้เต็มที เผื่อวันข้างหน้าหากเราทำธุรกิจของตัวเองอีกครั้งจะได้ไม่พลาดอีกครับ”

ปิ๊กเสริมว่า ความฝันอีกอย่างของเขาก็คือ การได้เดินทางท่องเที่ยวไปรอบโลก ซึ่งถือเป็นเป้าหมายแห่งความสุขในระยะยาวที่ไม่รีบร้อน แต่เขาก็บอกกับตัวเองเสมอว่า มันคือเป้าหมายต่อไปที่เขาจะต้องทำให้ได้เช่นกัน

เป็นหนุ่มรุ่นใหม่ซึ่งขยันทำงานสัปดาห์ละเกือบ 7 วันแบบนี้ แล้วไลฟ์สไตล์ในวันว่างของเขาล่ะ จะเหมือนกับหนุ่มคนอื่นๆ มั้ย

 

“คือผมมองว่าปัจจุบันตัวผมยังอายุน้อยอยู่ ถ้าทำงานได้ก็จะทำเต็มที่ จริงๆ แล้วผมทำงาน 6 วัน คือ จันทร์-เสาร์ แต่บางครั้งวันอาทิตย์ผมก็อดเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานที่บ้านไม่ได้ (หัวเราะ) คือไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปน่ะครับ คิดอะไรออกก็จะเตรียมข้อมูลไว้เลย แต่เห็นแบบนี้ผมก็ออกกำลังกายโดยเข้าฟิตเนสสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งเลยนะ บางวันก็ว่ายน้ำด้วย เพราะคอนโดที่ผมอยู่มีทั้งฟิตเนสและสระว่ายน้ำเลยล่ะ จึงรู้สึกว่าสะดวกดี ไม่ต้องฝ่ารถติดไปเข้าฟิตเนสไกลบ้าน บางครั้งถ้ามีวันหยุดยาวๆ ผมก็จะวางแผนไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ้าง คือแล้วแต่เวลาและโอกาสครับ ส่วนใหญ่ก็จะไปกับเพื่อนๆ นี่แหละ”

ปิ๊กทิ้งท้ายว่า ตอนนี้เขายังอยู่ในสถานะหนุ่มโสดแบบ 100% แถมหัวใจยังว่างอยู่ แม้จะมีสาวที่คุยกันอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะใช้คำว่าแฟนหรือคนรู้ใจ เรียกว่าดูกันไปเรื่อยๆ จะดีกว่า...แหม ได้ยินแบบนี้แล้ว สาวๆ รู้สึกว่ามีความหวังขึ้นมาทันทีเลยล่ะ