อัยการสูงสุดยื่นศาลฎีกาฯฟ้อง"ปู"จำนำข้าว

ทนาย ยัน ยิ่งลักษณ์ พร้อมรายงานตัวต่อศาล เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอรับสิทธิตามกฎหมาย ซัด ป.ป.ช. ฟ้องแพ่ง ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและกม.

วันที่ 19 กพ. เวลาประมาณ 10.30 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ  พร้อมสุรศักดิ์ ตรีรัตนกูล พร้อมคณะนำสำนวนเอกสารสำนวนคดีทุจริตจำนำข้าว จำนวน 20 ลัง มายื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา123/1กรณีละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนทำให้รัฐเสียหาย

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสำนักงานอัยการสูงสุดใช้เวลา ยื่นเอกสาร 10 นาที

ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดระบุว่าหลังจากนี้จะกลับไปแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นฟ้องที่สำนักงานอัยการสูงสุดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ด้าน นายธีรทัย เจริญวงศ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลขาเตรียมที่จะแถลงขั้นตอนการพิจารณาคดีรับจำนำข้าว รวมถึงวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรกที่จะมีการหารือว่าวันใด

ก่อนหน้านี้ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง  นายเอนก คำชุ่ม นายสมหมาย กู้ทรัพย์ และทีมทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้รับมอบหมายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์   ผู้ถูกกล่าวหามายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อแจ้งต่ออัยการสูงสุดว่าอดีตนายกรัฐมนตรีจะไปรายงานตัวในชั้นศาลเมื่อศาลประทับฟ้องและเรียกตัว เนื่องจากอดีตนายกฯยังอยู่ในสถานะเพียงผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาเท่านั้น ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวเป็นเรื่องของอัยการสูงสุดกับศาล ท่ีกำหนดให้อัยการสูงสุดต้องส่งคำฟ้องต่อศาล พร้อมสำเนารายงานความเห็นของคณะกรรมการป.ป.ช.
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการในชั้นศาล นั้นคงต้องเริ่มจากประธานศาลฎีกาเรียกประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อเลือกผู้พิพากษาเป็นองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คน เพื่อเป็นองค์คณะในการพิจารณาคดี โดยองค์คณะชุดดังกล่าวจะพิจารณาสำนวนคำฟ้อง หลังจากนั้นจะมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาต่อไปหรือไม่

นายนรวิชญ์ กล่าวว่า หากศาลประทับรับฟ้องตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์  ก็พร้อมจะเดินทางไปรายงานตัวต่อศาล เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาและการไต่สวน อดีตนายกฯไม่ได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ

ดังนั้นอดีตนายกฯจึงขอรับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญท่ีกำหนดไว้โดยขอโอกาสให้ได้ตรวจคำฟ้องและตรวจพยานเอกสารที่ถูกกล่าวหาในชั้นศาล ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะหยุดนิ่งปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการพิจารณาของศาล

นายนรวิชญ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการต่อสู้คดีอดีตนายกฯมีความมั่นใจในความบริสุทธิ์และพยานหลักฐานที่จะหักล้างข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.และอัยการได้และขอให้ทุกฝ่ายยุติการชี้นำในทางคดีโดยปล่อยให้องค์คณะผู้พิพากษาเป็นผู้พิจารณาคดีไปตามข้อเท็จจริง

ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งนั้นเห็นว่าเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งในสัปดาห์หน้าทีมกฎหมายของอดีต นายกฯจะยื่นหนังสือโต้แย้ง มติป.ป.ช.ต่อกระทรวงการคลังต่อไป