ราชกิจจาเผยคำสั่งหัวหน้าคสช. ตั้งทหารปราบมาเฟีย-ผู้มีอิทธิพล
ราชกิจจานุเบกษาเผยคำสั่งหัวหน้าคสช. ลุยปราบมาเฟีย-ผู้มีอิทธิพล ตั้งทหารเป็นเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม มีอำนาจจับกุม-ตรวจค้น-คุมตัว-ยึดทรัพย์
ราชกิจจานุเบกษาเผยคำสั่งหัวหน้าคสช. ลุยปราบมาเฟีย-ผู้มีอิทธิพล ตั้งทหารเป็นเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม มีอำนาจจับกุม-ตรวจค้น-คุมตัว-ยึดทรัพย์
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยระบุว่า ด้วยปรากฏว่าได้มีบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์กระทําความผิดอาญาบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทําลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยการข่มเหง ขู่เข็ญ รังแก หรือแสดงตน อันเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเกรงกลัว ไม่กล้าขัดขืน หรือร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพราะเกรงภัยจะเกิดแก่ตน นอกจากนี้ ยังปรากฏว่ามีบุคคลที่ดํารงชีพด้วยการกระทําผิดกฎหมายเช่น ค้ายาเสพติด เป็นเจ้ามือพนัน มีพฤติการณ์ซ่องสุมอาวุธ เพื่อให้สามารถได้รับประโยชน์ต่าง ๆที่มิชอบด้วยกฎหมาย การที่จะนําตัวผู้กระทําความผิดมาดําเนินคดีจึงมีความยุ่งยาก ซับซ้อน หรืออาจเกิดความเสี่ยงภัยต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จึงจําเป็นต้องกําหนดกระบวนการในการป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดอาญาที่มีลักษณะดังกล่าวเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ในประกาศได้ระบุพฤติการณ์ของผู้กระทำผิดไว้ดังนี้
(1) กระทําความผิดโดยการข่มขืนใจให้กระทําการใด ไม่กระทําการใด หรือจํายอมต่อสิ่งใดโดยทําให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น
(2) แสดงตนให้บุคคลอื่นเกรงกลัว ไม่กล้าขัดขืนหรือร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ดําเนินการเพราะเกรงภัยจะเกิดแก่ตน
(3) ดํารงชีพด้วยการกระทําผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ยังให้ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แต่งตั้ง "เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม" ที่เป็นข้าราชการทหารซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรี ขึ้นไป รวมทั้งให้อำนาจ เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามออกคำสั่งเรียกบุคคลที่กระทําความผิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทําความผิด มารายงานตัว, จับกุม, เข้าตรวจค้น, ควบคุมตัว, ยึดหรืออายัดทรัพย์