posttoday

"ปู"พร้อมหนุนปรองดองแต่ต้องเป็นธรรม

20 มกราคม 2560

"ยิ่งลักษณ์" ขึ้นศาล สืบพยานจำเลยคดีจำนำข้าว พร้อมหนุนปรองดอง แต่ต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้านเพื่อไทย ตั้ง 5 แกนนำติดตาม

"ยิ่งลักษณ์" ขึ้นศาล สืบพยานจำเลยคดีจำนำข้าว พร้อมหนุนปรองดอง แต่ต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้านเพื่อไทย ตั้ง 5 แกนนำติดตาม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ม.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 10 ในคดีโครงการรับจำนำข้าว โดยเป็นการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย  2 ปาก คือนายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์   และนายทศพล ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ซึ่งการเดินทางมาศาลในวันนี้  มีอดีตรัฐมนตรี  สมาชิกพรรคเพื่อไทย และกลุ่มมวลชนมารอให้กำลังใจ  ท่านกลางการดูแลความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการที่ คสช.และรัฐบาลออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ว่า ส่วนตัวยินดีให้การสนับสนุน ถ้าทุกอย่างเป็นประโยชน์กับประเทศ   แต่ควรยึดหลักความเป็นกลางความเป็นธรรม และขอให้เป็นไปตามกฎหมาย  แต่ต้องแน่ใจว่าจะเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หวังว่ากลไกทางภาครัฐและฝ่ายทหารจะเป็นผู้ประสานงานที่ดี   ถ้าเป็นไปได้อยากให้เชิญผู้ที่มีความเป็นกลางโดยเฉพาะนักวิชาการ หรือผู้ที่สังคมให้การยอมรับเข้ามาแลกเปลี่ยนให้ความรู้ และเป็นคณะกรรมการ  เชื่อว่าหากคณะกรรมการ ป.ย.ป.   จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศคงไม่มีผู้ใดปฏิเสธ  เพราะทุกคนต้องคิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาจะต้องทราบถึงนิยามคำว่าปรองดองก่อน ทุกคนต้องยอมรับและได้รับความเป็นกลางไม่มีการเลือกปฎิบัติ เมื่อได้รับนิยามแล้วจึงจะพิจารณาที่กลไกปฎิบัติต่อไป

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่ยไทย กล่าวว่า ตามที่ คสช. และรัฐบาลได้ออกคำสั่งเพื่อให้มีการดำเนินการเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปและการสร้างความปรองดองโดยจะจัดให้มีคณะกรรมการรับผิดชอบขับเคลื่อนในด้านต่างๆและเรียกร้องให้นักการเมืองร่วมมือกันสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคม การแก้ไขปัญหานี้ให้ประสบความสำเร็จ คงไม่ใช่ให้พรรคการเมืองมาพบกันและจัดทำเอ็มโอยูเท่านั้น เพราะปัญหาความไม่ปรองดอง ไม่ใช่เกิดจากเฉพาะพรรคการเมืองแต่ฝ่ายเดียว แต่เกี่ยวพันกับคนหลายกลุ่ม หลายฝ่าย หลายองค์กร เกี่ยวพันกับปัญหาประเทศเชิงโครงสร้างในหลาย ๆ ส่วน รวมถึงผู้มีอำนาจในปัจจุบันก็เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น

นายภูมิธรรม กล่าวว่า  ปัจจัยที่จะทำให้ความปรองดองเกิดขึ้น เป็นผลสำเร็จ ความหมายที่แต่ละฝ่ายยึดถือและเข้าใจในเรื่องความปรองดองนั้นต้องตรงกัน จึงจะสามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาได้  สำหรับพรรคเพื่อไทย เข้าใจว่าการปรองดองหมายถึง การอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติภายใต้หลักนิติธรรม บนพื้นฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการจะสร้างความปรองดองได้ คือ การอำนวยให้เกิดความยุติธรรม และการยอมรับการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างที่แต่ละฝ่ายมี  ซึ่งพรรคเพื่อไทยมอบให้นายโภคิน พลกุล นายชัยเกษม นิติสิริ นายชูศักดิ์ ศิรินิล  นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นผู้ดำเนินการติดตามเรื่องนี้และรายงานให้ที่ประชุมรับทราบ