"พระสนิทวงศ์"ปัดมูลนิธิธรรมกายบุกรุกครอบครองป่าชายเลนกระบี่

24 กุมภาพันธ์ 2560

"พระสนิทวงศ์" ยันวัดพระธรรมกายให้ความร่วมมือตรวจค้นเต็มที่ แต่สุดท้ายจนท.กลับผิดข้อตกลง ปัด มูลนิธิธรรมกาย บุกรุกครอบครองป่าชายเลนกระบี่

"พระสนิทวงศ์" ยันวัดพระธรรมกายให้ความร่วมมือตรวจค้นเต็มที่ แต่สุดท้ายจนท.กลับผิดข้อตกลง ปัด มูลนิธิธรรมกาย บุกรุกครอบครองป่าชายเลนกระบี่

วันที่ 24 กพ. พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย  แถลงว่า ขอบคุณที่ทางเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ศิษย์นำอาหารเข้ามาถวายพระในวัด ดังนั้นก็จะขอให้ทางเจ้าหน้าที่อนุญาตให้เปิดรับสังฆทานอาหารจากประชาชนได้ด้วย เพราะอาหารในวัดขาดแคลนมาก ในส่วนของหน่วยฉลามขาว-ป่าไม้ บุกไปค้นในพื้นที่ จ.กระบี่ ซึ่งมีกระแสข่าวลือว่าเป็นของวัดพระธรรมกายนั้น เป็นเรื่องไม่จริงเพราะทางวัดไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับพื้นที่ดังกล่าว ส่วนที่ว่ามีกองกำลังมือที่ 3 อยู่ในวัดก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน เพราะมีแต่เด็ก ผู้สูงอายุ ญาติโยมที่เป็นผู้หญิงเข้ามาปฏิบัติธรรม หากทางเจ้าหน้าที่จะใช้กำลังย่อมไม่เป็นผลดี และทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก จึงขอให้บรรยากาศช่วงนี้เป็นไปด้วยความสงบเนื่อง

พระสนิทวงศ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในวันพรุ่งนี้เป็นวันพระ ตนอยากจะเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมทำบุญกัน แต่ถ้าใครไม่ชอบหรือไม่สะดวกจะไปวัดอื่นก็ได้ ตอนนี้มีหนังสือจากคณะสงฆ์ทางภาคใต้และคณะสงฆ์จากหลาย ๆ วัดทั่วประเทศส่งมาให้ทางเจ้าหน้าที่ยุติความรุนแรงต่อวัดพระธรรมกายตามหลักสิทธิมนุษยชนสำหรับสื่อออนไลน์ที่มีกลุ่มบุคคลจัดตั้งเพจในเฟซบุ๊กชื่อว่า "มั่นใจคนไทยเกินล้านอยากกระทืบปากสนิทวงศ์แต่ไม่แสดงออกนั้น" ตนต้องขออภัยที่แถลงคำพูดไม่ถูกใจใครหลาย ๆ คน ซึ่งคนเราไม่พอใจก็สามารถวิจารณ์ได้ แต่ก็อย่าทำร้ายร่างกายกันเลย ยืนยันว่าได้ทำตามหลักคำสอนพุทธศาสนา ก่อนหน้านี้ตนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ถึง 3 ครั้งแล้วในช่วงที่ผ่านมา"

เมื่อถามว่าจะเปิดโอกาสให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าวัดได้เมื่อไร ทางพระสนิทวงศ์กล่าวว่า ต้องยกเลิกม.44 ก่อนค่อยว่ากันอีกที

ขณะที่ เฟซบุ๊ก Phra Sanitwong Charoenrattawong โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก  ชี้แจงข่าวที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย โดยระบุข้อความดังนี้

1.ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เมื่อวาน (วันที่ 23 ก.พ. 2560) ได้อนุญาตให้นำภัตตาหารของญาติโยมมาถวายได้ แม้จะไม่พอต่อจำนวนของพระเณรและสาธุชนหลายพันคนได้ก็ตาม จึงขอความกรุณาจากทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และดีเอสไอ อนุญาตให้ญาติโยมนำภัตตาหารมาถวายสังฆทานที่วัดได้ตามปกติ เพราะถือเป็นอริยะประเพณีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุญาตให้พระสงฆ์รับไทยธรรมจากทายกทายิกาผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาได้ เป็นการปฏิบัติหลักกิริยาวัตถุ 3 ประการ คือ ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา

2.แม้สถานการณ์บุกของเจ้าหน้าที่วันนี้จะไม่มี แต่ก็มีการกระชับพื้นที่เข้ามาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อวาน โดยเฉพาะระยะแนวรั้วด้านหลัง ใกล้ๆ กับอาคารบุญรักษา ทำให้ญาติโยมที่อยู่นอกวัดและรอบๆ วัดที่เห็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ มีความกังวลและเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพ ของพระสงฆ์สามเณร และประชาชนภายในวัด

3.กรณีหน่วยฉลามขาว ที่เคยเข้าไปตรวจพื้นที่บริเวณ หมู่ 6 ตำบลเขาทอง อ.เมือง จังหวัดกระบี่ แล้วมีการแถลงข่าวว่า มูลนิธิธรรมกาย เข้าไปบุกรุกครอบครองป่าชายเลนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด มูลนิธิธรรมกายไม่เคยไปซื้อที่ดิน หรือเข้าไปบุกรุก หรือยึดถือครอบครองในพื้นที่ป่าชายเลนในบริเวณพื้นที่ หมู่ 6 ตำบลเขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่แต่อย่างใด มูลนิธิธรรมกายขอแจ้งให้ทราบว่า การไปยึดถือครอบครองของบุคคลใดๆก็ตามในพื้นที่ป่าชายเลน ที่หน่วยฉลามขาว เข้าไปตรวจค้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มูลนิธิธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น

4.กรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐ เพิ่มข้อหาและคดีมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการบุกวัดนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนคดีไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นสำคัญ คือ ทางวัดไม่ได้ขัดขืน เพราะในช่วงวันที่ 16-17-18, 21, 22 ก.พ. เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 มาเฉพาะเจ้าหน้าที่ DSI และตัวแทนสื่อมวลชน, ครั้งที่ 2 DSI มาพร้อม ตำรวจนครบาล สุนัขตำรวจ และสื่อมวลชนจำนวนมาก, ครั้งที่ 3 DSI ทั้งอธิบดี รองอธิบดี นายตำรวจผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่สำนักพุทธแห่งชาติ สื่อมวลชนจำนวนมาก และที่สำคัญ “เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี” ในวันนั้น ได้มีการปูพรมตรวจทั้งพื้นที่โซน A 196 และได้มีการซิล 15 อาคาร ซึ่งได้ทำการตรวจค้นไปก่อนหน้านั้นเรียบร้อยแล้ว


5.กรณีเจ้าหน้าที่รัฐ กล่าวว่า ไม่สามารถยกเลิก ม.44 ได้ เพราะเหตุที่ทางวัดขัดขืน ทางวัดขอปฏิเสธข่าวดังกล่าว วัดยอมรับสภาพ 3 หมายจับ, 300 กว่าคดี, จำนวนหน้าที่หลายพันนายคุมทุกประตูรอบวัด, ซีล 15 อาคาร, ปล่อยให้เจ้าหน้าที่หลายร้อยนายเข้าออกมาใช้พื้นที่ 2,000 ไร่ได้ ถือว่าไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด และที่สำคัญ ร่วมมือการตรวจค้น ตลอด 3 วันแรกอย่างจริงจัง และเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง ครบทุกพื้นที่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่เองที่ผิดข้อตกลง “ค้นไม่พบ ไม่พบแล้ว ก็ยังไม่ยอมกลับ” ส่วนกรณีเกรงกลัวมือที่ 3 นั้น ที่วัดก็มีเพียงป้าๆ ผู้สูงวัย เด็กเยาวชน ที่ปีนกำแพงข้ามเข้ามา เพราะอยากเข้ามาทำบุญในวัด เพราะท่านปิดกั้นถนนทุกเส้นทาง ทุกประตู รอบวัด ไม่ยอมให้สาธุชนเข้ามาตามปกติ ที่สำคัญที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่า อาจพิจารณาใช้มาตรการรุนแรง ด้วยการโรยตัวลงมาจับตัวพระเณรนั้น สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นการสร้างความกังวล หวาดกลัว และหวั่นวิตกให้กับประชาชนแทบทั้งสิ้น

6.ขณะนี้ สังคมไทยและคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศ ต้องการเห็นความจริงใจและท่าทีที่เป็นมิตรของรัฐบาล ในการจัดการภารกิจนี้ด้วยความละมุนละม่อม และสร้างความปรองดองตามนโยบายปรองดองของรัฐบาลเอง และตามที่ประกาศ “คืนความสุข” ให้กับประชาชน เมื่อครั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ

ที่มา https://www.facebook.com/sanitwong/posts/10202878310034083

Thailand Web Stat