แท็กซี่โต้ไม่ได้ทำร้ายผู้โดยสาร แค่ยื้อแขนไว้เพราะกลัวไม่ได้เงิน
คนขับแท็กซี่เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ยืนยันไม่ได้ฉุดกระชาก-พยายามทำร้ายผู้โดยสารหญิง แต่ได้ยื้อแขนเอาไว้เพราะกลัวไม่ได้เงินค่าโดยสาร
คนขับแท็กซี่เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ยืนยันไม่ได้ฉุดกระชาก-พยายามทำร้ายผู้โดยสารหญิง แต่ได้ยื้อแขนเอาไว้เพราะกลัวไม่ได้เงินค่าโดยสาร
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. คนขับรถแท็กซี่ที่ถูกผู้โดยสารหญิงสาวแจ้งความกับสน.มีนบุรีว่า ฉุดกระชากและพยายามทำร้ายหลังมาส่งที่หอพักย่านรามอินทรา ได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยยืนยันว่า ไม่มีเจตนาทำร้ายผู้โดยสารอย่างที่ถูกกล่าวหา โดยระหว่างที่รอผู้โดยสารลงจากรถเพื่อไปหยิบงเนมาจ่ายค่าโดยสารให้ครบนั้น ได้ลงจากรถไปปัสสาวะ เมื่อกลับมาได้เห็นผู้โดยสารมาหยิบกระเป๋าที่อยู่เบาะหลัง จึงเข้าไปยื้อแขนเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เงินค่าโดยสาร
ทั้งนี้คนขับแท็กซี่ยืนยันว่า ไม่ได้มีการผลักหรือฉุดระชาก แต่เพียงแค่จับมือดึงไว้เฉยๆ
ก่อนหน้านี้ ผู้โดยสารหญิง ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาได้นั่งรถแท็กซี่จากบางเขนมาหอพักย่านรามอินทรา เมื่อมาถึงหอพักมอเตอร์ค่าโดยสารแจ้งราคาว่า 220 บาท แต่เงินที่มีติดตัวไม่พอ เนื่องจากมีเพียง 200 บาท จึงบอกคนขับแท็กซี่ให้รอเพื่อจะขึ้นห้องไปเอาเงิน 20 บาทมาจ่ายให้ พร้อมกับทิ้งกระเป๋าไว้ในรถ แต่คนขับแท็กซี่บอกว่า "ทำไมไม่ทิ้งโทรศัพท์ไว้" แต่ไม่ได้สนใจ ก่อนจะลงจากรถไปหยิบเงินในห้องมา 50 บาทเพื่อนำไปให้คนขับแท็กซี่
เมื่อเดินกลับมาที่รถก็ไม่พบคนขับอยู่บนรถ จึงเปิดประตูก้มหยิบกระเป๋าจากเบาะหลังรถ จู่ๆก็ถูกคนขับแท็กซี่กดศีรษะลงไปกับเบาะหลังรถ จึงพยายามดิ้นหนี และวิ่งเข้ามาในหอพักพร้อมร้องให้คนช่วย แต่คนขับแท็กซี่ได้วิ่งตามมา และพยายามฉุดกระชากดึงตัวไปขึ้นรถ จากนั้นจึงมีแม่บ้านของหอพักออกมาดู และได้วิ่งเข้ามาในห้องพักได้ ก่อนที่คนขับแท็กซี่จะขึ้นรถขับออกไป ซึ่งส่วนตัวมีรอบฟกช้ำตามแขนขาเนื่องจากการต่อสู้กับคนขับแท็กซี่