สิงคโปร์เลย์ออฟหนักรอบ7ปี
สิงคโปร์เสี่ยงปลดพนักงานครั้งใหญ่ เหตุราคาน้ำมันไม่ฟื้น ขณะที่เกาหลีใต้ว่างงานทุบสถิติ 12.5%
สิงคโปร์เสี่ยงปลดพนักงานครั้งใหญ่ เหตุราคาน้ำมันไม่ฟื้น ขณะที่เกาหลีใต้ว่างงานทุบสถิติ 12.5%
หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล เปิดเผยว่า ปี 2015 ถือเป็นปีที่สิงคโปร์ปลดพนักงานออกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2009 เนื่องจากภาวะราคาพลังงานตกต่ำ โดยเฉพาะพนักงานในกลุ่มบริษัทสำรวจและขุดเจาะพลังงานนอกชายฝั่งและบริษัทด้านการเดินเรือ
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา มีการปลดพนักงานในภาคการผลิตไปแล้วกว่า 5,200 อัตรา หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2014 ถึง 22% คิดเป็นพนักงาน 1,680 อัตรา ในบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่ทำจากโลหะประดิษฐ์ เครื่องจักร และอุปกรณ์ รวมถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันด้วย โดย เซมบ์คอร์ป มารีน บริษัทอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ ปลดพนักงานราว 3,000-4,000 อัตรา ขณะที่ ไรวัล เคปเปล คอร์ป บริษัทแท่นขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ ปลดพนักงานกว่า 6,000 อัตรา
บรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่า ความเสี่ยงสำหรับสิงคโปร์ยังคงมีอยู่ เนื่องจากยอดสินค้าส่งออกกว่าครึ่งของสิงคโปร์มาจาก แซชิ บราซิล ผู้ให้บริการแท่นขุดเจาะน้ำมันในบราซิล ซึ่งขณะนี้มีความเสี่ยงล้มละลาย นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจาก ปิโตรลีโอ บราซิเลยโร (ปิโตรบาส) รัฐวิสาหกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่ของบราซิลที่กำลังประสบปัญหาทางการคลังอย่างหนัก
โจเซฟ อิลคาลคาเทอรา นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเอชเอสบีซี ระบุว่า ราคาน้ำมันและก๊าซในตลาดโลกที่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสิงคโปร์อย่างมาก ในฐานะที่สิงคโปร์ถือเป็นผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมพลังงานรายใหญ่รายหนึ่งของโลก
อย่างไรก็ดี ปัญหาการจ้างงานไม่เพียงเกิดขึ้นในภาคพลังงานเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ สำนักงานสถิติของเกาหลีใต้เปิดเผยตัวเลขการว่างงานเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 4.1% สู่ระดับสูงที่สุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากการว่างงานของเยาวชนอายุระหว่าง 15-29 ปี อยู่ที่ 12.5% ทำลายสถิติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กจบใหม่
ซิมวอนโบ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติเกาหลีใต้ ระบุว่า ตัวเลขสมัครรับราชการในเดือน ม.ค. แตะ 2.2 แสนคน ทุบสถิติ สะท้อนให้เห็นว่าการแข่งขันในตลาดแรงงานค่อนข้างสูง ส่งผลให้เด็กจบใหม่ว่างงานมากขึ้น
เช่นเดียวกับจีน ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ที่ประสบปัญหาการจ้างงาน โดยเฉพาะในภาคเหล็กและถ่านหินที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี หลี่เค่อเฉียง ยืนยันว่าจะหลีกเลี่ยงการปลดพนักงานจำนวนมาก หลังภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่และโรงงานต่างปรับลดกำลังการผลิต พร้อมระบุว่าจีนจะสามารถจัดการกับการผลิตเกินในอุตสาหกรรมเหล็กและถ่านหินได้ ควบคู่ไปกับการป้องกันการปลดพนักงานจำนวนมาก
"จีนจำเป็นต้องดำเนินการลดการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรม แต่แรงงานจำนวนมากก็ไม่สามารถสูญเสียความมั่นคงทางการงานได้ ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความมั่นคงให้แรงงานเหล่านี้ใหม่" หลี่ กล่าว