posttoday

ผู้รอดชีวิตจากคุกซีเรีย เผยประสบการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตให้ฟัง

07 กุมภาพันธ์ 2560

สำนักข่าวอัลจาซีราสัมภาษณ์อดีตนักโทษจากเรือนจำในซีเรีย ผู้รอดชีวิตจากความโหดร้ายของรัฐบาลบาร์ซา อัล-อัสซาด

สำนักข่าวอัลจาซีราสัมภาษณ์อดีตนักโทษจากเรือนจำในซีเรีย ผู้รอดชีวิตจากความโหดร้ายของรัฐบาลบาร์ซา อัล-อัสซาด

Omar al-Shogre ใช้เวลาของชีวิตหมดไป 3 ปี ในคุกหลายแห่งของรัฐบาลซีเรีย สถานที่ที่เขาถูกทรมาน และปล่อยให้อดอยาก Shorge บรรยายช่วงเวลาที่เขาพ้นโทษจากการจำคุกว่าเป็น "วันที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเขา"

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ปี 2015 Shorge ได้เห็นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เป็นครั้งแรก ในรอบ 3 ปี น้ำหนักตัวของเขาลดลงเหลือ 35 กิโลกรัม ผมร่วงหมดจากศีรษะ เมื่อเขาพยายามทักทายผู้คนที่โดยสารอยู่บนรถบัสพร้อมๆกับเขา ในกรุงดามากัส ไม่มีใครทักทายตอบเขา ผู้คนเอาแต่จ้องมองสภาพร่างกายที่น่าสมเพชของชายคนหนึ่ง ที่อยู่ตรงหน้า

ในปีต่อมา หลังเป็นอิสระ Shogre ในชุดเสื้อเชิ๊ตลายตารางหมากรุก และกางเกงยีนส์ กำลังเดินเลียบริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ในกรุงสตอกโฮล์ม ของสวีเดน ปัจจุบันเขามีอายุ 21 ปี และเป็นหนึ่งในชาวซีเรียหลายหมื่นคนที่ถูกจองจำ โดยรัฐบาลซีเรีย ในจำนวนนี้ชาวซีเรียราว 17,000 คน เสียชีวิตในห้องขัง ตลอด 4 ปีของความรุนแรงที่ผ่านมา รายงานจากแอมเนสตี้ และสหประชาชาติระบุว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีบาร์ซา อัล-อัสซาด อยู่เบื้องหลังการสังหารนักโทษ ทุบตี ทรมาน ข่มขืน ซึ่งทั้งหมดถือว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 Shogre อายุ 17 ปี ในจอนที่เขาถูกจับกุมตัวที่จังหวัด Tartous พร้อมๆกับญาติของเขาอีก 3 คน ในจำนวนนี้ 2 คนเสียชีวิตในห้องขัง Shogre ระบุว่าตัวเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดจึงถูกจับกุม กลุ่มทหารที่จับกุมตัวเขาไม่อธิบายเหตุผลใดๆทั้งสิ้น พวกเขาชกไปที่หน้าของ Shogre จนเลือดกลบ ก่อนจะหิ้วตัวไปยังเรือนจำ

หลังผ่านการถูกคุมขังในศูนย์ควบคุมของรัฐบาลกว่า 10 แห่ง ในที่สุดชะตากรรมของ Shogre ก็มาลงเอยที่เรือนจำ Sednaya เรือนจำดังกล่าวตั้งอยู่ในหุบเขาทางตอนเหนือของดามากัส ห่างออกไปจากเมืองราว 30 กิโลเมตร เขาใช้ชีวิตที่นั่นเป็นเวลา 1 ปี กับอีก 9 เดือน ในแดน 215 ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่านั่นคือแดนแห่งความตาย

ผู้รอดชีวิตจากคุกซีเรีย เผยประสบการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตให้ฟัง ปัจจุบัน Shogre ใช้ชีวิตอยู่ในสวีเดน แต่ความทรงจำเลวร้ายเหล่านั้นยังคงตามมาหลอกหลอนในฝัน

"เราเห็นผู้คุมบังคับให้นักโทษมีเซ็กส์กันเอง หรือบางทีนักโทษก็ถูกข่มขืนโดยพวกผู้คุม" Shogre กล่าวแก่สำนักข่าวอัลจาซีรา "ทุกๆคนหวาดกลัวกับสิ่งนั้น ผมเองก็นึกถึงมัน เพราะว่าในตอนนั้นผมเด็กมาก ผมกลัวว่าวันนึงพวกผู้คุมจะทำเช่นนั้นกับผมเช่นกัน"

ในช่วงเวลา 7 เดือนแรกของการเป็นนักโทษ Shogre ถูกขังเดี่ยว เขาเห็นนักโทษที่ป่วยจำนวนมากถูกหิ้วออกไป บางคนหายใจรวยรินราวกับว่าเขากำลังจะไม่มีชีสิตอยู่แล้ว วันเวลาผ่านไปการทรมานร่างกาย และความตายก็กลายเป็นเรื่องปกติ "มีนักโทษหลายคนที่ถูกข่มขืน และตัดสินใจฆ่าตัวตาย มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก แต่ในที่สุดมันกลับกลายเป็นสิ่งที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน" เขากล่าว

เรือนจำ Sednaya คือเรือนจำสุดท้าย และเลวร้ายที่สุดสำหรับเขา Shogre ยังจำได้ถึงประสบการณ์ที่เขา และนักโทษคนอื่นๆถูกรุมซ้อม ในตอนนั้นเขาลืมตาไม่ขึ้น และไม่อาจลุกขึ้นมาจากเตียงได้เป็นเวลานานถึง 15 วัน

หลังจากนั้นในเดือนต่อมา เขาก็ถูกนำตัวขึ้นศาล จากความผิดในข้อหาก่อการร้าย Shogre ผู้เคยมีส่วนร่วมในการเดินขบวนประท้วงรัฐบาลซีเรีย เพื่อปฏิวัติซีเรียในปี 2011 เล่าว่า เขาถูกบังคับให้สารภาพผิด และระบุว่าตนมีไอดีการ์ดของชาวต่างชาติ

เมื่อผู้คุมปันส่วนอาหารให้ในแต่ละวัน สิ่งที่นักโทษได้มีเพียงไข่ไม่กี่ใบ และขนมปังเท่านั้น จำนวนอาหารที่ได้ไม่เพียงพอสำหรับการแบ่งกันกินแก่นักโทษหลายสิบคน และอาหารก็ถูกเสิร์ฟพร้อมกับท่อนกระบองที่กระหน่ำฟาดลงมายังพวกเขา อาหารเปิ้อนไปด้วยเลือดของนักโทษด้วยกัน

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลระบุว่า ประสบการณ์เลวร้ายที่ Shogre เจอนั้นเป็นแบบฉบับเดียวกับที่นักโทษทางการเมืองทั้งหลายต้องเผชิญ ซึ่งความทรงจำเหล่านั้นยังคงหลอกหลอนเขาในยามค่ำคืน "เมื่อผมหลับ บ่อยครั้งที่ผมฝันถึงช่วงเวลาที่ถูกทุบตี ผมเห็นญาติตัวเองถูกฆ่า แต่เมื่อตื่นขึ้นมาและพบว่าผมอยู่ในห้องของตัวเอง ไม่ใช่ห้องขัง ผมก็รู้สึกโล่งใจ" เขากล่าว

ผู้รอดชีวิตจากคุกซีเรีย เผยประสบการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตให้ฟัง "ผมติดคุก และเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตจากในนั้น"

"ในคุกยังคงมีหลายวันที่สวยงามเกิดขึ้นกับชีวิตของผม" ตัวเขารำพึง "ผมเป็นมนุษย์ขึ้นมาได้ เพราะที่นั่นเป็นเหมือมหาวิทยาลัยที่สอนให้ผมรู้ว่าต้องใช้ชีวิตยังไง" แม้ว่า Shogre จะเห็นความไร้มนุษยธรรมมากมายเกิดขึ้นในนั้น แตในเรือนจำยังคงมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น นักโทษหลายคนช่วยเหลือเขา แบ่งอาหารให้ และอ้อนวอนไม่ให้บรรดาผู้คุมฆ่าเขา และแม้ว่าการสวดภาวนาในศาสนาอิสลาม จะไม่สามารถทำได้ในเรือนจำ Sednaya แต่ตัวเขายังคงท่องบทอัลกุรอ่าน 18 บทไว้ในใจ และกระซิบมันผ่านหู ให้กับเพื่อนนักโทษคนอื่นๆ

เส้นทางสู่ความเป็นอิสระของเขา เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2013 เมื่อพี่น้อง 2 คน และพ่อของเขาเสียชีวิตจากการโจมตี แม่ และพี่น้องคนอื่นๆที่ยังเหลืออยู่ตัดสินใจบินไปยังตุรกี และติดสินบนเจ้าหน้าที่เป็นเงินจำนวน 15,000 ดอลล่าร์สหรัฐ แลกกับการปล่อยตัวเขา

และในเดือนมิถุนายน ปี 2015 Shogre ก็ได้รับจดหมายยืนยันว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัว หลังจากใช้ชีวิตเป็นเวลา 3 ปี กับอีก 4 เดือน กับความผิดในฐานะก่อการร้าย เมื่อได้รับการปล่อยตัว ตัวเขาถูกคาดผ้าปิดตา ผู้คุมขับรถพาตัวเขาออกไปจากคุกและทิ้งเขาไว้ที่ข้างถนน

ทุกวันนี้ Shogre พยายามใช้ชีวิตใหม่ในสวีเดน ให้มีความสุข ตัวเขาเลือกเริ่มต้นชีวิตในสวีเดน เนื่องจากประเทศแห่งนี้มีกระบวนการรักษาที่พร้อมสำหรับผู้ป่วยวัณโรค จากในเรือนจำเช่นเขา ตัวเขาแวดล้อมไปด้วยเพื่อน และสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ครอบครัวที่เหลือของเขาอาศัยอยู่ในตุรกี และ Shogre พยายามใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เนื่องจากความกลัวว่ารัฐบาลซีเรีย อาจแก้แค้นใครก็ตามที่เปิดเผยเบื้องลึกความโหดร้ายของเรือนจำ

"ผมกำลังเฝ้ารอว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมต่อ เมื่อตอนที่ผมอยู่ในแดน 215 ชีวิตผ่านไปโดยไม่มีอะไรทำ แต่ตอนนี้ผมไม่ว่างแบบนั้นแล้ว และกำลังเฝ้ารอว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม และครอบครัว" เขากล่าว

Jalal Nofal จิตแพทย์ ผู้ผ่านการถูกกักกันโดยรัฐบาลของอัสซาด มานานกว่า 9 ปี ในช่วงปี 1980 กล่าวว่า บรรดาอดีตนักโทษนั้นจะเผชิญกับผลกระทบที่ตามมาต่อสภาพจิตใจอย่าง ภาวะซึมเศร้า และวิตกกังวล "เราพยายามให้กำลังใจพวกเขาว่า คุณไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นผู้รอดชีวิต และพยายามให้พวกเขามองหาจุดแข็งของตัวเอง" Nofal กล่าว "บางครั้งพวกเขาก็คิดว่า จะใช้ชีวิตอย่างอิสระ และหัวเราะตามปกติได้อย่างไร ในเมื่อเพื่อนๆของพวกเขายังคงถูกคุมขัง"

ปัจจุบัน Shogre รู้แล้วว่าการมีชีวิตอยู่ และการอยู่อย่างเป็นมนุษย์นั้นแตกต่างกันอย่างไร "ผมไม่รู้จริงๆว่าตัวเองรอดมาได้อย่างไร" เขากล่าวในขณะที่เดินเลียบแม่น้ำ ของสวีเดน ในขณะที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าไป "มันดูเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมคิดเช่นนั้น ในบางครั้งที่ตื่นนอนขึ้นมา"

*รายงานจากแอมเนสตี้ระบุ นักโทษกว่า 13,000 คน เสียชีวิตในระหว่างคุมขัง นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียเกิดขึ้นในปี 2011 ลองชมวิดีโอที่ทางแอมเนสตี้จัดทำขึ้น

 

 

ขอบคุณวิดีโอจาก Amnesty International

ขอขอบคุณ http://www.aljazeera.com/indepth/features/2017/01/alive-surviving-assad-prison-cells-170123085748985.html