สวรรค์ของนักลงทุนไทย
โดย กริช อุ๊งวิฑูรย์สถิตย์
หลายปีที่ผ่านมา ทางภาครัฐและเอกชนไทยเรา ได้พยายามอย่างยิ่งในการเร่งเครื่องกันส่งเสริมการค้า-การลงทุนไทยในต่างแดน จะเห็นได้ว่ามีการจัดสัมมนา จัดงานแสดงสินค้า อีกทั้งงานทำ Business Matching
บ้างก็ทำ Networking ให้แก่ผู้ประกอบการอย่างถี่ยิบ ตัวผมเองยังแทบตามไม่ทัน จนพักหลังๆมานี้ ผมคิดว่าถ้าขืนไปร่วมฟังสัมมนาทุกๆงาน มีหวังงานของบริษัทไม่ต้องได้ทำแน่ๆ และเผลอๆบริษัทเจ๊งบ้องแน่เลยครับ จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกงานที่จะไปร่วมรับฟังรับชม แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากถูกเชิญไปเป็นผู้บรรยาย ก็มักจะไม่ค่อยปฎิเสธเท่าไหร่นัก
นอกเสียจากว่างานชนกันจริงๆ จึงจำเป็นต้องปฎิเสธเขาไป และสิ่งที่ทางภาครัฐและภาคเอกชนช่วยกันกระตุ้นให้ผู้ประกอบการโกอินเตอร์นั้น เป็นสิ่งที่ดีครับ
แต่ผมก็อยากจะช่วยเสริมให้เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการเพิ่มเติมอีกซักนิด นะครับ
อย่างแรกเลย คือ ตัวผู้ประกอบการที่จะไปนั้น ต้องรู้ตัวเองก่อนว่าตัวเราเองเหมาะที่จะโกอินเตอร์ในสถานะอะไร? คือจะไปค้าขาย หรือไปลงทุน เพราะสองเรื่องนี้มันต่างกันนะครับ หลายท่านที่โทรมาปรึกษาผม บางท่านก็ยังไม่มีสินค้าที่ตัวเองผลิตได้เลย กำลังจะไปจ้างผู้ผลิต OEM สินค้าให้ พอถามว่าแล้วสนิทสนมกับผู้ผลิตมากน้อยแค่ไหน เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนที่แนะนำกันมา ผมบอกว่าคิดให้เยอะๆนะครับ ผมไม่ได้คิดจะปิดกั้นทางร่ำรวยของใคร
แต่ก็ไม่อยากจะเห็นคนที่เข้ามาขอคำปรึกษาจากเราแล้ว ไปทำกลับล่มจมครับ บางท่านบอกว่าที่ประเทศเพื่อนบ้านอะไรเขาก็ขาดแคลนไปหมด จะเอาอะไรไปขายก็ขายได้ ผมก็ต้องบอกว่าอย่าประเมินเขาต่ำไปนะครับ ปัจจุบันนี้ประเทศเพื่อนบ้านเขาพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเวียดนาม
ที่นั่นเขามีผู้ประกอบการจากทั่วโลก เข้าไปใช้เป็นฐานผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า ปัจจุบันนี้ผลิตเพื่อทดแทนจนล้นเหลือ มีพอที่จะส่งออกแล้ว สังเกตุได้จากงานแสดงสินค้าใหญ่ๆของโลก เขานำสินค้าไปร่วมแสดงของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเราเลย จึงอยากให้เราคิดใหม่นะครับ
หรือไม่ถ้ามีเวลา ท่านต้องเข้าไปสำรวจตลาดดูใหม่อีกสักครั้ง เพราะยี่สิบปีมานี้ เขาได้เปลี่ยนแปลงไปไกลมากแล้ว
บางท่านนำเอาสินค้าที่มีภาระต้นทุนด้านลอจิสติกส์สูงไปเพื่อขายให้เขา ผมก็ได้แต่บอกเพียงว่า ตลาดสินค้าประเภทนี้ ท่านทำได้ไม่นานนะครับ เพราะสักวันหนึ่งผู้ประกอบการในประเทศเขาเห็นว่าตลาดกว้างมาก (High Market cap) หรือ มีกำไรดี เขาก็ต้องหาทางที่จะผลิตมาแข่งกับเราแน่
แต่ถ้าสินค้านั้นเป็นยี่ห้อหรือแบรนด์ของเราเอง คุ้มค่าที่จะลงทุนสร้างแบรนด์ และมีแผนที่จะย้ายฐานผลิตไปผลิตที่ประเทศเขา หรือ เรามีศักยภาพในการย้ายฐานผลิตเองโดยไม่ต้องพึ่งพาแบงค์ได้ ท่านก็ทำไปเถอะ
แต่ถ้าไม่มีศักยภาพเพียงพอ ท่านอย่าเพิ่งหวังไปพึ่งธนาคารพานิชย์บ้านเรา ว่าเขาจะให้เรากู้ยืมเงินไปลงทุนเลย เดี๋ยวท่านจะผิดหวัง เพราะการกู้ยืมเงินไปลงทุนที่ต่างประเทศนั้น ยากกว่าที่ท่านกู้เพื่อลงทุนในประเทศเป็นสองเท่าแน่นอน
อันนี้ไปหวังลมๆแล้งๆไม่ได้นะครับ แต่ถ้าท่านมั่นใจว่าจะโกอินเตอร์แล้วจริงๆ ผมก็ขอ(เสือก)เสนอแนะว่าท่านต้องหาข้อมูลให้เยอะๆ จากที่ผมกล่าวมาแล้วว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเขามีจัดสัมมนาให้ความรู้กับผู้ประกอบการเยอะมาก
ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านคิดจะไปลงทุนในเวียดนาม ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ร่วมกับ Deep C Industrial Zone ได้จัดสัมมนาขึ้นที่โรงแรมหรรษา ซอยมหาดเล็กหลวง2 ถนนราชดำริ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เวลา 8:00-12:00 น. งานนี้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
วัตถุประสงค์หลักที่ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้จัดสัมมนาครั้งนี้ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการไปลงทุนที่เวียดนาม จะได้ไปอย่างไม่ต้องเสี่ยงมาก โดยเขาจะให้ความรู้ด้านภาษีอากรของประเทศเวียดนาม อีกทั้งจะนำประเด็นความร่วมมือระหว่างรัฐหรือที่เรียกว่า FTAs ระหว่างไทย-เวียดนามมาเล่าสู่กันฟัง ว่าเรามีความร่วมมืออะไรกันบ้าง เพื่อสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไทย
เมื่อเราได้ลงทุนไปแล้ว ก็ควรจะขอรับจากทางเวียดนามเขา อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ เรื่องการจัดทำบัญชีในประเทศเขาเมื่อท่านทำธุรกิจที่นั่น จะได้ไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเขาครับ นี่สำคัญมากๆ ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับองค์ประกอบการจัดสัมมนาทุกครั้ง คือ เขาเชิญผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจที่นั่นมาเล่าประสบการณ์ให้ท่านฟังครับ
ท่านอาจจะฟังมาเยอะแล้ว แต่ก็ฟังๆไปเถอะครับ เพราะแต่ละคนก็จะมีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจก็แล้วกัน ท่านใดที่สนใจ รีบโทรศัพท์ไปสมัครด่วนที่ คุณ พิมพ์ชนก ปาประโคน เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างประเทศของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เบอร์โทร 02-345-1127 หรือ 098-909-7147,หรือที่ E-Mail: [email protected]
ที่นั่งเท่าที่ผมสอบถามมามีเหลือไม่มากนะครับ งานนี้ฟรีตลอดงาน สนใจต้องรีบติดต่อด่วนเลยครับ
เพราะผมคิดว่านี่เป็นสวรรค์ของผู้ประกอบการไทยจริงๆ เพราะในยุคที่ผมออกไปโกอินเตอร์ ไม่มีใครมาทำให้อย่างนี้เลย ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเองทั้งหมดเลย