รวมมุมมองผู้นำยักษ์ใหญ่ไอทีต่อปรากฏการณ์ Deepseek AI
รวมมุมมองจากผู้นำยักษ์ใหญ่ไอทีทั้งซีอีโอ Microsoft, NVIDIA และ Tesla ต่อปรากฏการณ์ Deepseek สตาร์ทอัพด้าน AI จากประเทศจีน หลังกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการเทคโนโลยี และ AI
DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากประเทศจีน สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการเทคโนโลยี ด้วยการก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 บนชาร์ตแอปพลิเคชันฟรีบน Apple App Store เพียงไม่กี่วันหลังจากเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) รุ่นเรือธง DeepSeek-R1
DeepSeek-R1 ถูกขนานนามว่าเป็น "ดาวรุ่งพุ่งแรง" ด้วยความสามารถที่เทียบเท่ากับ ChatGPT แชทบอทชั้นนำจาก OpenAI แต่ใช้ทรัพยากรการประมวลผลน้อยกว่ามาก โดย DeepSeek อ้างว่าใช้ต้นทุนในการพัฒนาโมเดล AI เพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่างบประมาณที่บริษัทอื่นๆ ใช้พัฒนาโมเดล AI ถึง 100 เท่า ส่งผลให้ DeepSeek ขึ้นแท่นอันดับต้นๆ ใน App Store อย่างรวดเร็ว โดยมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 10 ล้านครั้งภายใน 1 สัปดาห์ และได้รับความสนใจจากทั่วโลก
Microsoft มองอนาคต Deepseek ยังไปได้อีกไกล
Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อปรากฏการณ์ DeepSeek โดยอ้างอิงถึง "ทฤษฎีพาราด็อกซ์ของเจวอนส์ (Jevons Paradox)" ซึ่งอธิบายว่า ยิ่งเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การใช้งานก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้
ทฤษฎีพาราด็อกซ์ของเจวอนส์ (Jevons Paradox) คืออะไร?
ทฤษฎีนี้ถูกนำเสนอโดย วิลเลียม สแตนลีย์ เจวอนส์ (William Stanley Jevons) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษที่สังเกตว่า เมื่อเครื่องจักรไอน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความต้องการใช้ถ่านหินกลับเพิ่มขึ้น แทนที่จะลดลง เนื่องจากต้นทุนที่ถูกลงทำให้ถ่านหินถูกนำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้างมากขึ้น เช่น การผลิตไฟฟ้า การขนส่ง
ในกรณีของ AI หมายความว่า ยิ่ง AI มีประสิทธิภาพและเข้าถึงง่าย เช่น DeepSeek-R1 ที่เป็นโอเพนซอร์สและใช้ทรัพยากรน้อย การใช้งานก็จะยิ่งแพร่หลาย กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน เหมือนกับที่เราขาดอินเทอร์เน็ตไม่ได้ในปัจจุบัน
NVIDIA มอง Deepseek คือความก้าวหน้าของวงการ AI
แม้ปรากฏการณ์ DeepSeek จะส่งผลให้ราคาหุ้นของ NVIDIA ดิ่งลงถึง 17% เมื่อวันจันทร์ แต่ NVIDIA ยังคงชื่นชม DeepSeek-R1 ว่าเป็น "ความก้าวหน้าของวงการ AI ที่ยอดเยี่ยม"
โฆษกของ NVIDIA กล่าวกับ CNBC โดยระบุว่า "R1 เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของเทคนิค Test Time Scaling ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโมเดล AI ใหม่ๆ สามารถถูกพัฒนาขึ้นได้ด้วยการใช้โมเดลที่มีอยู่ทั่วไปและการประมวลผลที่สอดคล้องกับข้อกำหนดการควบคุมการส่งออก"
Elon Musk ตั้งข้อกังขา Deepseek ไม่เชื่อโมเดลจีนเหนือกว่าสหรัฐฯ
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX แสดงความกังขาต่อ DeepSeek ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) ที่ออกมาประกาศว่าโมเดล AI ของพวกเขามีประสิทธิภาพเหนือกว่า ChatGPT ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย OpenAI
Musk ไม่เชื่อว่า DeepSeek-V3 ซึ่งเป็นโมเดล AI รุ่นล่าสุดของบริษัทที่อ้างว่าใช้ชิป NVIDIA เพียง 2,000 ตัวในการฝึกฝนเท่านั้น เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วการพัฒนาโมเดล AI ระดับสูงมักต้องใช้ชิปอย่างน้อย 16,000 ตัวขึ้นไป
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญรายอื่นๆต่อ Deepseek
- Marc Andreessen นักลงทุนชื่อดัง ยกย่อง DeepSeek-R1 ว่าเป็น "หนึ่งในการค้นพบที่น่าทึ่งที่สุด"
- Dan Primack จาก Axios มองว่า DeepSeek อาจส่งผลกระทบต่อสตาร์ทอัพ AI รายอื่นๆ
- Dan Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush เชื่อว่าปรากฏการณ์ Deepseek เป็นโอกาสทองในการซื้อหุ้นเทคโนโลยี และไม่ควรตื่นตระหนก
ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ DeepSeek ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทที่พัฒนาโมเดล AI และผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ เช่น Microsoft และ NVIDIA จนส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ได้รับผลกระทบในช่วงแรก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า DeepSeek อาจเข้ามาปฏิวัติตลาดนี้