posttoday

รวมมุมมองผู้นำยักษ์ใหญ่ไอทีต่อปรากฏการณ์ Deepseek AI

28 มกราคม 2568

รวมมุมมองจากผู้นำยักษ์ใหญ่ไอทีทั้งซีอีโอ Microsoft, NVIDIA และ Tesla ต่อปรากฏการณ์ Deepseek สตาร์ทอัพด้าน AI จากประเทศจีน หลังกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการเทคโนโลยี และ AI

DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากประเทศจีน สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการเทคโนโลยี ด้วยการก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 บนชาร์ตแอปพลิเคชันฟรีบน Apple App Store เพียงไม่กี่วันหลังจากเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) รุ่นเรือธง DeepSeek-R1

DeepSeek-R1 ถูกขนานนามว่าเป็น "ดาวรุ่งพุ่งแรง"  ด้วยความสามารถที่เทียบเท่ากับ ChatGPT แชทบอทชั้นนำจาก OpenAI  แต่ใช้ทรัพยากรการประมวลผลน้อยกว่ามาก โดย DeepSeek อ้างว่าใช้ต้นทุนในการพัฒนาโมเดล AI เพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่างบประมาณที่บริษัทอื่นๆ ใช้พัฒนาโมเดล AI ถึง 100 เท่า ส่งผลให้ DeepSeek ขึ้นแท่นอันดับต้นๆ ใน App Store อย่างรวดเร็ว โดยมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 10 ล้านครั้งภายใน 1 สัปดาห์  และได้รับความสนใจจากทั่วโลก

รวมมุมมองผู้นำยักษ์ใหญ่ไอทีต่อปรากฏการณ์ Deepseek AI

Microsoft มองอนาคต Deepseek ยังไปได้อีกไกล

Satya Nadella  ซีอีโอของ Microsoft ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อปรากฏการณ์ DeepSeek  โดยอ้างอิงถึง  "ทฤษฎีพาราด็อกซ์ของเจวอนส์ (Jevons Paradox)"  ซึ่งอธิบายว่า  ยิ่งเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การใช้งานก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้

ทฤษฎีพาราด็อกซ์ของเจวอนส์ (Jevons Paradox) คืออะไร?

ทฤษฎีนี้ถูกนำเสนอโดย วิลเลียม สแตนลีย์ เจวอนส์ (William Stanley Jevons) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษที่สังเกตว่า เมื่อเครื่องจักรไอน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความต้องการใช้ถ่านหินกลับเพิ่มขึ้น  แทนที่จะลดลง  เนื่องจากต้นทุนที่ถูกลงทำให้ถ่านหินถูกนำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้างมากขึ้น เช่น  การผลิตไฟฟ้า  การขนส่ง

ในกรณีของ AI  หมายความว่า ยิ่ง AI มีประสิทธิภาพและเข้าถึงง่าย เช่น DeepSeek-R1  ที่เป็นโอเพนซอร์สและใช้ทรัพยากรน้อย การใช้งานก็จะยิ่งแพร่หลาย กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน เหมือนกับที่เราขาดอินเทอร์เน็ตไม่ได้ในปัจจุบัน

รวมมุมมองผู้นำยักษ์ใหญ่ไอทีต่อปรากฏการณ์ Deepseek AI

NVIDIA มอง Deepseek คือความก้าวหน้าของวงการ AI 

แม้ปรากฏการณ์ DeepSeek จะส่งผลให้ราคาหุ้นของ NVIDIA ดิ่งลงถึง 17% เมื่อวันจันทร์  แต่ NVIDIA ยังคงชื่นชม DeepSeek-R1 ว่าเป็น "ความก้าวหน้าของวงการ AI ที่ยอดเยี่ยม"  

โฆษกของ NVIDIA กล่าวกับ CNBC โดยระบุว่า  "R1 เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของเทคนิค Test Time Scaling ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโมเดล AI ใหม่ๆ สามารถถูกพัฒนาขึ้นได้ด้วยการใช้โมเดลที่มีอยู่ทั่วไปและการประมวลผลที่สอดคล้องกับข้อกำหนดการควบคุมการส่งออก"

รวมมุมมองผู้นำยักษ์ใหญ่ไอทีต่อปรากฏการณ์ Deepseek AI

Elon Musk ตั้งข้อกังขา Deepseek ไม่เชื่อโมเดลจีนเหนือกว่าสหรัฐฯ

Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX แสดงความกังขาต่อ DeepSeek ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) ที่ออกมาประกาศว่าโมเดล AI ของพวกเขามีประสิทธิภาพเหนือกว่า ChatGPT ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย OpenAI

Musk ไม่เชื่อว่า DeepSeek-V3 ซึ่งเป็นโมเดล AI รุ่นล่าสุดของบริษัทที่อ้างว่าใช้ชิป NVIDIA  เพียง 2,000 ตัวในการฝึกฝนเท่านั้น  เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วการพัฒนาโมเดล AI  ระดับสูงมักต้องใช้ชิปอย่างน้อย 16,000 ตัวขึ้นไป

ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญรายอื่นๆต่อ Deepseek

  • Marc Andreessen นักลงทุนชื่อดัง ยกย่อง DeepSeek-R1 ว่าเป็น "หนึ่งในการค้นพบที่น่าทึ่งที่สุด"
  • Dan Primack จาก Axios มองว่า DeepSeek อาจส่งผลกระทบต่อสตาร์ทอัพ AI รายอื่นๆ 
  • Dan Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush เชื่อว่าปรากฏการณ์ Deepseek เป็นโอกาสทองในการซื้อหุ้นเทคโนโลยี และไม่ควรตื่นตระหนก

รวมมุมมองผู้นำยักษ์ใหญ่ไอทีต่อปรากฏการณ์ Deepseek AI

ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี

การเติบโตอย่างรวดเร็วของ  DeepSeek ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทที่พัฒนาโมเดล AI และผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ เช่น Microsoft และ NVIDIA  จนส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ได้รับผลกระทบในช่วงแรก  เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า DeepSeek  อาจเข้ามาปฏิวัติตลาดนี้