PIN AI พร้อมชน Apple Intelligence ชูจุดขาย "คืนอำนาจ" ให้ผู้ใช้คุมข้อมูล
PIN AI พร้อมชน Apple Intelligence ชูจุดขายดึง Blockchain และการเข้ารหัสข้อมูลแบบ end-to-end มาใช้เพื่อ "คืนอำนาจ" ให้ทุกคนสามารถควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้อย่างอิสระ
ในยุคที่ความกังวลเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันภัยคุกคามจากต่างชาติ จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ หรือแม้กระทั่ง DOGE หน่วยงานภายใต้การบริหารของ Elon Musk ผู้คนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนตัวมากขึ้นเพราะกังวลว่าอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล AI แบบไม่รู้ตัวหากใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี เช่น Search Engine หรือ AI Assistant
ล่าสุด PIN AI สตาร์ตอัพ AI จากเขตอ่าวซานฟรานซิสโก ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันพร้อมโมเดลภาษาใหญ่ (Large Language Model: LLM) ที่ทำงานบนสมาร์ทโฟนของผู้ใช้โดยตรง โดยมีจุดขายคือการรักษาสิทธิ์เหนือข้อมูลส่วนตัว (Data Sovereignty) และการเข้ารหัสความปลอดภัยระดับสูง ชูจุดเด่นว่าเป็น “เครือข่ายอัจฉริยะส่วนบุคคล” (Personalized Intelligence Network) ซึ่งอาจเกลายป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Apple Intelligence
PIN AI คู่แข่งใหม่ Apple Intelligence
PIN AI เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและบริการออนไลน์ได้ง่ายขึ้น โดย PIN AI จะทำงานบนสมาร์ทโฟนของผู้ใช้โดยตรง ทำให้ข้อมูลส่วนตัวไม่จำเป็นต้องถูกส่งไปยังคลาวด์เพื่อประมวลผล
หลักการทำงานของ PIN AI คือการเข้าถึงข้อมูลจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น อีเมล บัญชีธนาคาร แอปสื่อสังคมออนไลน์ หรือประวัติการท่องเว็บ โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้แอปเข้าถึงข้อมูลใดได้บ้าง จากนั้น PIN AI จะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้คำตอบหรือคำแนะนำที่ตรงกับบริบทส่วนตัวของผู้ใช้แต่ละคน
นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถสั่งการ PIN AI ด้วยเสียง เช่น “สั่งซื้อของขวัญวันเกิดให้แม่” จากนั้น PIN AI จะวิเคราะห์ข้อมูลในอีเมล การสนทนา และประวัติการซื้อของออนไลน์ เพื่อวิเคราะห์ว่าของขวัญชิ้นใดเหมาะสมกับผู้รับที่สุด พร้อมหาร้านค้า เปรียบเทียบราคา และดำเนินการสั่งซื้อโดยอัตโนมัติ
หรือในกรณีที่ผู้ใช้ถามว่า "ฉันซื้อบ้านใหม่ได้ไหม" PIN AI จะวิเคราะห์ข้อมูลบัญชีธนาคาร รายได้ ค่าใช้จ่าย และเป้าหมายทางการเงิน เพื่อประเมินความสามารถในการซื้อบ้าน พร้อมแนะนำสินเชื่อที่เหมาะสม และช่วยจัดการเอกสารที่เกี่ยวข้อง
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ PIN AI ใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากโมเดล AI อื่นๆ ซึ่งใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ทั้งหมดเพื่อฝึกฝนตัวเองในการสร้างคำตอบสำหรับผู้ใช้
PIN AI มอบอำนาจให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเอง
ทีมพัฒนา PIN AI ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้เป็นอันดับแรก โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) และการเข้ารหัสข้อมูลแบบ end-to-end มาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้
ในกรณีที่โทรศัพท์สูญหาย บุคคลอื่นก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ได้ เนื่องจากข้อมูลถูกเข้ารหัสและป้องกันด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ส่วนการคู้คืนข้อมูล ผู้ใช้สามารถกู้คืนข้อมูลได้เมื่อเข้าถึงบัญชี PIN AI ผ่านอุปกรณ์เครื่องใหม่
กระแสตอบรับและแผนในอนาคต
PIN AI เป็นแอปพลิเคชันที่อยู่ในช่วงทดลอง ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานแล้วกว่า 2 ล้านราย โดยส่วนใหญ่เป็นการบอกต่อแบบปากต่อปากและการแนะนำผ่านชุมชนออนไลน์อย่าง Discord
ในด้านแผนธุรกิจ PIN AI มีแนวทางที่จะสร้างรายได้โดยการเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ให้บริการหรือเอเจนท์ในตลาด AI ที่เรียกว่า agentic marketplace แทนที่จะเก็บเงินจากผู้ใช้งานโดยตรง
นอกจากนี้ PIN AI ยังได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในวงการ เช่น a16z Crypto, Hack VC และ Sequoia Capital U.S. Scout ซึ่งได้ระดมทุนไปแล้วมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
PIN AI ไม่เพียงแต่นำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้อย่างแท้จริง ท้าทายโมเดลธุรกิจเดิมของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ที่ต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้เพื่อฝึก AI ในวงกว้าง