วิจัยใหม่ OpenAI ชี้ ยิ่งใช้ ChatGPT บ่อย ยิ่งทำให้รู้สึกเหงา

24 มีนาคม 2568

วิจัยใหม่ OpenAI ชี้! ใช้ ChatGPT บ่อยๆ อาจเหงาหนักกว่าเดิม จนบั่นทอนสุขภาพจิต โดยเฉพาะผู้ใช้งานแชทบอท AI เป็นประจำ กระทบทักษะการเข้าสังคมในชีวิตจริง

งานวิจัยจาก OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ได้ออกมาเปิดเผยข้อค้นพบที่น่าสนใจว่า การใช้งานแชทบอท ChatGPT อย่างสม่ำเสมอ อาจนำไปสู่ความรู้สึกเหงาที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ใช้งานบางราย

 

นับตั้งแต่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT ราว 2 ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ โดยมีผู้ใช้งานประจำต่อสัปดาห์สูงถึง 400 ล้านคนทั่วโลก 

 

ความสามารถในการตอบคำถาม สร้างสรรค์เนื้อหา และโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ ChatGPT กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับหลายๆ คนในการทำงาน การเรียนรู้ ไปจนถึงการเป็นเพื่อนคลายเหงา

 

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดได้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบอีกด้านหนึ่ง โดยนักวิจัยจาก OpenAI ร่วมกับ MIT Media Lab ได้ทำการศึกษาเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบทางอารมณ์ของการใช้งาน ChatGPT

 

พวกเขาได้วิเคราะห์บทสนทนาผ่านแชทนับล้านรายการ การโต้ตอบด้วยเสียงอีกหลายพันครั้ง และสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้งาน 4,000 คน เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานแชทบอท

 

ในการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง MIT Media Lab ได้ติดตามพฤติกรรมการใช้งาน ChatGPT ของผู้ใช้งานเกือบ 1,000 คน เป็นระยะเวลาสี่สัปดาห์ โดยเก็บข้อมูลทั้งในรูปแบบข้อความและเสียง

 

ในบริบทการสนทนาที่หลากหลาย ซึ่งผลการศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการใช้งาน ChatGPT อย่างสม่ำเสมอ กับความรู้สึกเหงาที่อาจเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ใช้งานบางราย

วิจัยใหม่ OpenAI ชี้ ยิ่งใช้ ChatGPT บ่อย ยิ่งทำให้รู้สึกเหงา

ยิ่งใช้งาน ChatGPT บ่อย ยิ่งเหงามากขึ้น

 

แม้ว่าผลลัพธ์จากงานวิจัยจะมีความซับซ้อนและได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ นักวิจัยพบว่า ChatGPT อาจทำให้ผู้ที่ใช้งานเป็นประจำเกิดความรู้สึกเหงามากขึ้น

 

วิจัยระบุว่า ผู้ที่มี "การใช้งานรายวันในระดับสูง" ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือประเภทการสนทนาใดก็ตาม มีแนวโน้มที่จะเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว และมีปัญหาในการใช้งานมากขึ้น รวมถึงมีการเข้าสังคมน้อยลง

 

โดยทีมวิจัยวัดทั้งความรู้สึกโดดเดี่ยวและระดับการเข้าสังคมจริง เพื่อแยกแยะประสบการณ์ความรู้สึกโดดเดี่ยวส่วนตัวของผู้ใช้ออกจากระดับการแยกตัวที่เกิดขึ้นจริง

วิจัยใหม่ OpenAI ชี้ ยิ่งใช้ ChatGPT บ่อย ยิ่งทำให้รู้สึกเหงา

ดาบ 2 คมของโหมดเสียงลดความเหงา

 

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ นักวิจัยสังเกตเห็นภาวะที่ขัดแย้งกันเอง โดยโหมดเสียงของ ChatGPT แม้จะช่วยลดความรู้สึกเหงาของผู้ใช้งานได้

 

แต่ผู้ใช้ที่รู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวเป็นทุนเดิมมีแนวโน้มใช้งานเครื่องมือนี้มากเกินไปจนส่งผลเสียและทำให้ความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวของพวกเขาทวีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

 

ในการศึกษาทั้งสองชิ้น นักวิจัยได้ทดลองใช้ Advanced Voice Mode ของ ChatGPT โดยตั้งค่าให้บอทมีลักษณะการโต้ตอบสองแบบคือ

 

"neutral mode" ที่เน้นความสุภาพ เป็นทางการ และให้ข้อมูล กับ "engaging mode" ที่เน้นความเป็นมิตร การแสดงความรู้สึก และสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์

 

ผลปรากฏว่าผู้ใช้งานรู้สึกเหงามากขึ้นเมื่อโต้ตอบกับ "neutral mode" เมื่อเทียบกับการโต้ตอบแบบ "engaging mode"

 

ผลกระทบทางอารมณ์กับเทคโนโลยีใหม่

 

นักวิจัยเองก็ยอมรับว่าการศึกษาผลกระทบทางอารมณ์ของผู้ใช้กับเทคโนโลยีที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากผู้คนมักไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองต่อเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมาคือ ผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อสุขภาพจิต ซึ่งนักวิจัยเองก็ใช้เวลานานหลายปีกว่าจะศึกษาจนเข้าใจอย่างแท้จริง

 

ผลการวิจัยนี้เป็นเครื่องเตือนใจสำคัญว่า แม้เทคโนโลยีอย่าง ChatGPT จะมีประโยชน์มากมาย แต่การใช้งานมากเกินไปและขาดการตระหนักถึงผลกระทบทางอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้น ก็อาจนำไปสู่ปัญหาได้เช่นกัน

 

เช่นเดียวกับโซเชียลมีเดีย การใช้ AI อย่างสมดุลและควบคู่ไปกับการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตจริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เรารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น

 

OpenAI เองก็ตระหนักถึงประเด็นนี้ และได้มีการพัฒนาโมเดลใหม่ๆ อย่าง GPT-4.5 ที่ถูกออกแบบมาให้มีความเข้าใจและตอบสนองต่ออารมณ์ของผู้ใช้งานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อประเมินผลกระทบของโมเดลเหล่านี้ในระยะยาวต่อไป

Thailand Web Stat