โมเดล AI จีนโตเร็วเกินเบอร์ ซัดตลาดเทคโนโลยีในประเทศระส่ำ

ในโลกที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรม ประเทศจีนได้ประกาศศักดาในการเป็นผู้นำด้านนี้อย่างชัดเจน 

 

การเปิดตัวโมเดล AI ที่ล้ำสมัยอย่างต่อเนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน ได้สร้างความฮือฮาในระดับโลก 

 

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Financial Times เผยว่า ภายใต้ภาพลักษณ์ของความสำเร็จและความแข็งแกร่ง ยังมีกระแสความตึงเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในประเทศ 

 

เพราะไม่ใช่ผู้เล่นทุกรายในตลาดเทคโนโลยีท้องถิ่นจะสามารถตามทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ได้

 

AI จีนผุดเป็นดอกเห็ด พัฒนาเร็วแรงเกินเบอร์

 

ช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นพัฒนาการที่น่าทึ่งของโมเดล AI จากแดนมังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดตัวโมเดลใหม่ล่าสุดจากสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีจีน

 

• DeepSeek V3: เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek เปิดตัวโมเดล V3 ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างก้าวกระโดด จนถูกยกให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของบริษัท AI ชั้นนำจากสหรัฐฯ อย่าง OpenAI

 

• Alibaba Qwen Series: เปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Qwen ที่มีประสิทธิภาพสูงจนสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นบนโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น

 

โมเดล Qwen ล่าสุดของ Alibaba ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การประมวลผลข้อความเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าใจและประมวลผลข้อมูลหลากหลายรูปแบบ

 

 ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง หรือวิดีโอ บนอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งแล็ปท็อปและสมาร์ทโฟน ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ

 

วิสัยทัศน์ของ Alibaba ที่ต้องการให้โมเดลนี้เป็นหัวใจสำคัญของ "AI Agents" หรือระบบ AI อัจฉริยะ ที่สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย 

ขณะเดียวกัน โมเดล V3 ของ DeepSeek ก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่โดดเด่นในด้านความสามารถในการให้เหตุผลและการเขียนโค้ด

 

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ผลลัพธ์อันน่าทึ่งเหล่านี้ได้รับการเผยแพร่บน Hugging Face ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่นักพัฒนา AI ใช้ในการแบ่งปันและประเมินโมเดลต่างๆ

 

การตัดสินใจเปิดเผยโมเดลของบริษัทสู่สาธารณะบนแพลตฟอร์มนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ DeepSeek ในการส่งเสริมความร่วมมือและเร่งการพัฒนา AI ไปทั่วโลก

 

ตลาดไอทีแดนมังกรตึงเครียด

 

แม้ว่าความสำเร็จในการพัฒนา AI ของจีนจะถูกมองว่าเป็นชัยชนะของชาติโดยรวม แต่อีกมุมหนึ่ง การแข่งขันที่เข้มข้นนี้ก็กำลังสร้างแรงกดดันและความตึงเครียดภายในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนเอง

 

เพราะไม่ใช่ทุกบริษัทจะสามารถปรับตัวและพัฒนาตามทันคลื่นแห่งเทคโนโลยีนี้ได้ และหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Baidu ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกยกให้เป็นผู้นำด้าน AI ของจีน 

 

แต่ปัจจุบันกลับต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากโมเดล AI ของ Baidu ยังคงตามหลังคู่แข่งทั้งในด้านขีดความสามารถและอัตราการนำไปใช้งานจริง

 

ในทางตรงกันข้าม บริษัทอย่าง Tencent และ Alibaba กลับได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะ Alibaba ที่ราคาหุ้นเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมา 

 

ซึ่งเป็นผลมาจากความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัดในการนำเทคโนโลยี AI ไปประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ รวมถึงการบูรณาการเข้ากับภาคธุรกิจต่างๆ 

 

ความแตกต่างของราคาหุ้นเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลลัพธ์ในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงการเดิมพันของตลาดว่าใครจะเป็นผู้นำในสมรภูมิ AI ในอนาคต

 

เดิมพันครั้งใหญ่ของภาคเทคโนโลยีจีน

 

สำหรับบริษัทเทคโนโลยีจีนแล้ว การแข่งขันในครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การยกระดับความสามารถของประเทศในการแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

 

แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตของบริษัทและการเติบโตของธุรกิจอีกด้วย 

 

โมเดล AI ที่สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้มากที่สุดในวันนี้ มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักในอนาคต และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การได้เซ็นสัญญากับหน่วยงานภาครัฐ

 

ภายใต้รูปแบบการบริหารจัดการที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของจีน การได้รับสัญญาจากภาครัฐถือเป็นโอกาสในการสร้างแหล่งรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวของธุรกิจ

 

ซึ่งทำให้การแข่งขันในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสสำหรับภาคเทคโนโลยีของจีน

 

อาจพูได้ว่า การต่อสู้เพื่อความเป็นผู้นำในสมรภูมิ AI นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการวางเดิมพันครั้งสำคัญสำหรับอนาคตของภาคเทคโนโลยีจีนและบทบาทของชาติบนเวทีโลก