ไม่ใช่แค่บอกทาง AI เปลี่ยน Google maps ให้ช่วยรับมือเหตุวิกฤติ

23 เมษายน 2568

Google ผสาน AI หลายโมเดลยกระดับ Maps รับมือภัยพิบัติ สู่การสั่งงานและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่แบบเรียลไทม์อย่างแม่นยำ

ปัจจุบัน Google maps ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กันทั่วไประหว่างการเดินทาง แต่ล่าสุดกำลังจะพัฒนาไปอีกขั้นเมื่อ Google ออกมาประกาศโครงการ Geospatial Reasoning นำโมเดล AI เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน พร้อมเปลี่ยน Google maps ให้รับมือเหตุภัยพิบัติ

 

ขั้นตอนการทำงานของ Geospatial Reasoning อาศัยการผสานโมเดลหลายชนิดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแก่ Google maps ได้แก่

 

- Population Dynamics Foundation Model (PDFM) โมเดลตรวจจับปฏิสัมพันธ์ที่ซบซ้อนระหว่างพฤติกรรมประชากรและสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น

 

- Trajectory-based Mobility Foundation Model โมเดลวิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหว เดินทาง และใช้พื้นที่ของมนุษย์

 

- Remote Sensing Foundation Models โมเดลตรวจจับ จำแนก และแยกแยะรายละเอียดวัตถุ ที่ได้รับการพัฒนาจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจำนวนมหาศาล

 

- Gemini อีกหนึ่งชิ้นส่วนที่ขาดไม่ได้ในการใช้งาน AI Chatbot ที่จะช่วยประมวลผล จัดการ และสรุปข้อมูลที่มีความซับซ้อนสูง เมื่อนำมาตอบคำถามที่ป้อนเข้าสู่ระบบ วางแผนดำเนินการ วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปออกมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับใช้งานในลำดับต่อไป

 

ด้วยกลไกทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการและเข้าถึงข้อมูลภูมิสารสนเทศที่มีความละเอียดซับซ้อน พร้อมทำการสรุปเรียบเรียงเนื้อหาให้เข้าใจง่าย โดนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับที่พักอาศัยในพื้นที่ ไปจนจัดการรับมือเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ

 

ในกรณีสาธิต Google แสดงให้เห็นว่า พวกเขาสามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อรับมือพายุเฮอร์ริเคนในหลายด้าน ตั้งแต่แสดงภาพก่อนและหลังเกิดเหตุ แสดงสถานการณ์เรียลไทม์จากภาพถ่ายทางอากาศ ระบุพื้นที่และอาคารที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ คาดการณ์ความเสี่ยงร่วมกับข้อมูลพยากรณ์อากาศ เป็นต้น

 

ปัจจุบัน Geospatial Reasoning ยังอยู่ในช่วงทดสอบแต่ถือเป็นความเคลื่อนไหวน่าสนใจที่อาจช่วยรับมือภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต

Thailand Web Stat