เด็กจบใหม่สุดท้อ วิจัยชี้ "AI - ภาษีทรัมป์" ฉุดโอกาสคว้า "งานแรก"
Gen Z เผชิญมรสุมครั้งใหญ่ในการหางานแรก ปม AI และภาษีทรัมป์ ทำเศรษฐกิจโลกผันผวน ผลกระทบต่อเนื่องเป็นโดมิโน่ตั้งแต่นายจ้างยันลูกจ้าง
รายงานจาก Business Insider เผยว่า งานแรกสำหรับเด็กจบใหม่ในยุคนี้ ถือเป็นเรื่องหินขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสายงานที่เคยเป็นที่ต้องการอย่างสูง เช่น
วิศวกรซอฟต์แวร์ ที่ปรึกษาด้านการจัดการ และการเงิน ซึ่งในปัจจุบันจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับลดลงอย่างน่ากังวล
ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือบทบาทที่เพิ่มขึ้นของ Generative AI (Gen AI) ซึ่งมีความสามารถในการเขียนโค้ดและทำงานอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเริ่มอวดอ้างว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้พนักงานเดิมที่มีอยู่ได้ซึ่งสถานการณ์นี้ส่งผลให้ความจำเป็นในการจ้างพนักงานใหม่ลดลง
ทว่า Gen AI ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลกระทบ สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนยังคงสร้างความกังวลต่อความมั่นคงในหน้าที่การงานให้กับพนักงานปัจจุบัน
ทำให้เกิดการเปลี่ยนงานน้อยลง ส่งผลให้บริษัทต่างๆ มีตำแหน่งงานที่ว่างลงน้อยลงตามไปด้วย ประกอบกับนายจ้างเองก็ยังคงลังเลที่จะลงทุนกับการจ้างงานเด็กจบใหม่
สถานการณ์เหล่านี้กำลังสร้างความกังวลอย่างมากให้กับ Gen Z ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน
จากการสำรวจของ Handshake พบว่า 62% ของนักศึกษาปีสุดท้ายที่คุ้นเคยกับ AI มีความกังวลถึงผลกระทบของ AI ต่อโอกาสหางาน เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ซึ่งอยู่ที่ 44%
โดยนักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์เป็นกลุ่มที่กังวลมากที่สุด
ขณะที่ ศาสตราจารย์ Matt Beane ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการจัดการเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ชี้ให้เห็นว่า
การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างอาชีพและการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น มีแนวโน้มที่จะยิ่งทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้น
ทั้งในมิติของทักษะ ค่าตอบแทน และความพึงพอใจในงาน ซึ่งความท้าทายนี้เริ่มปรากฏให้เห็นในกลุ่มผู้ทำงานออฟฟิศบางประเภทแล้ว โดยเขามองว่าผลกระทบได้เริ่มเกิดขึ้นแล้วและยากที่จะหลีกเลี่ยงได้อย่างสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ คน Gen Z จึงเริ่มตั้งคำถามต่อ "คุณค่า" ของปริญญา โดยเกือบครึ่งหนึ่งมองว่าการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเป็นเรื่อง "เสียเงินเปล่า" (จากการสำรวจของ Indeed ในเดือนมีนาคม)
ข้อมูลจาก Federal Reserve Bank of New York ในเดือนเดียวกัน ยังชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์การว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ (อายุไม่เกิน 27 ปี) อยู่ที่เกือบ 6% สูงกว่าอัตราว่างงานของแรงงานที่มีปริญญาทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 2.6% และสูงกว่าอัตราว่างงานโดยรวมที่ 4%
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจแรงงานสามในสี่คนโดย UpWork เมื่อปีที่แล้วเผยให้เห็นด้านที่น่ากังวลของการนำ Gen AI และ AI agent มาใช้
โดยพบว่าเครื่องมือเหล่านี้กลับทำให้ประสิทธิภาพลดลงและเพิ่มภาระให้กับพนักงานแทนที่จะเป็น "ยาวิเศษ" อย่างที่นายจ้างหลายรายคาดหวัง
Tim Herbert หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CompTIA ชี้ว่า แม้ในมุมมองแรก AI เหมือนจะช่วยร่นเวลาในการทำงานลงได้ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด พนักงานอาจจำเป็นต้องใช้เวลามากขึ้นในการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดที่มองข้ามไปในตอนแรก
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความกังวลเรื่องภาวะถดถอยส่งผลให้การจ้างงานของบริษัทยังคงชะลอตัว
Allison Shrivastava นักเศรษฐศาสตร์จาก Indeed กล่าวถึงสถานการณ์นี้ว่าเป็น "ช่วงเวลาแห่งความชะงักงัน" ทั้งเด็กจบใหม่และนายจ้าง ที่ไม่รู้ว่าจะก้าวไปทางไหนดีเพราะเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงจากตลาดโลก
เช่นเดียวกับปัจจัยที่คาดไม่ถึงอย่างมาตรการภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ แม้สถานการณ์นี้จะเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่ง แต่สุดท้ายบริษัทก็จำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะจ้างเพิ่มหรือปลดพนักงาน
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเผชิญกับความไม่แน่นอนในลักษณะนี้มานานเกือบสองปีแล้ว ส่งผลให้ตลาดแรงงานในภาคส่วนนี้หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ข้อมูลจาก CompTIA เผยว่า จำนวนประกาศรับสมัครงานลดลงจาก 625,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม 2023 เหลือเพียง 467,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ท่ามกลางการลดลงนี้ สัดส่วนตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นลดลงจาก 24% เหลือ 21% ขณะที่ตำแหน่งที่ต้องการประสบการณ์ 7 ปีขึ้นไปกลับเพิ่มขึ้น 3% บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงความต้องการของตลาด
นับเป็นการเปลี่ยนทิศทางครั้งสำคัญสำหรับวงการเทคโนโลยี ที่เคยถูกวิจารณ์ว่านิยมคนรุ่นใหม่มากกว่าคนมีประสบการณ์
โดย Maureen Wiley Clough สะท้อนมุมมองเรื่องการเลือกปฏิบัติทางอายุในวงการนี้ว่า "แม้อุตสาหกรรมนี้จะแง้มว่านิยมชมชอบคนรุ่นใหม่ แต่ฉันกลับมองว่าพวกเขาเทใจให้ AI เสียมากกว่า"
ความท้าทายสำหรับเด็กจบใหม่ยิ่งชัดเจนขึ้นจากการสำรวจในปี 2023 โดย Intelligent.com ที่พบว่าเกือบ 40% ของนายจ้างมองว่าเด็กจบใหม่ยังไม่พร้อมทำงานจริง
และจากผลสำรวจผู้นำฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ในปี 2024 โดย Hult International Business School ยังชี้อีกว่า 37% ต้องการให้ AI หรือหุ่นยนต์ทำงานแทนการจ้างเด็กจบใหม่ ส่วนอีก 30% เลือกที่จะปล่อยตำแหน่งงานว่างไว้
ทั้งนี้ ท่ามกลางความท้าทายในตลาดงาน ยังมีเด็กจบใหม่จำนวนหนึ่งกำลังปรับตัวโดยการนำ AI มาใช้ในการหางาน และพบว่าเครื่องมือเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มโอกาสหางาน เช่นใช้ AI ช่วยในการร่างใบสมัครงาน และสร้างเรซูเม่