"ดีใจที่พระองค์จะประทับที่วัดแห่งนี้"
เสียงจากประชาชนละแวกวัดราชบพิธฯและวัดบวรฯ ที่ต่างรู้สึกปลาบปลื้มที่มีการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประดิษฐาน
โดย...ธนพล บางยี่ขัน, ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์
ขั้นตอนสุดท้ายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่จะมีขึ้นในเวลา 17.30 น. วันที่ 29 ต.ค. คือพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร คือเถ้าถ่านที่ปะปนกับพระบรมอัฐิชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร พ.ท.หญิง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงเป็นผู้บังคับกองทหารม้าเกียรติยศ ประกอบริ้วขบวนที่ 6 ซึ่งเป็นริ้วขบวนสุดท้าย ประกอบด้วยขบวนกองทหารม้าเกียรติยศ จำนวน 78 ม้า ในการเชิญพระบรมราชสรีรางคางจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ตั้งอยู่ถนนเฟื่องนคร ติดกับกระทรวงมหาดไทย เป็นที่ตั้งของ “สุสานหลวง” ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นที่บรรจุพระอัฐิและพระสรีรางคาร พระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา พระราชโอรสและพระราชธิดาในพระองค์
ขณะที่ วัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนบวรนิเวศ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างใหม่ในรัชกาลนั้น โดยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ที่เสด็จออกทรงผนวชทุกพระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10
พระบรมราชสรีรางคารของในหลวง รัชกาลที่ 9 จะถูกบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ ซึ่งก็เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร รัชกาลที่ 6 เช่นกัน
วัดบวรนิเวศฯ ยังเป็นวัดประจำรัชกาลของในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกด้วย ในอดีตเมื่อปี 2499 เป็นที่ประทับขณะทรงพระผนวชเมื่อพระชนมพรรษา 29 พรรษา เป็นเวลา 15 วัน ที่พระตำหนักปั้นหยา
การอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารมาบรรจุที่วัดบวรนิเวศฯ แห่งนี้สร้างความปลาบปลื้มให้กับพสกนิกรที่พำนักอาศัยบริเวณวัดเป็นอย่างยิ่ง สมเด็จ องค์ปฐม อายุ 61 ปี เจ้าของร้านธงวันชาติ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่พระบรมราชสรีรางคารจะถูกเอาไว้ที่วัดบวรนิเวศฯ เพราะในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงพระผนวชที่วัดแห่งนี้ อีกทั้งสมเด็จพระสังฆราชก็มีพระอัฐิบางส่วนนำบรรจุไว้ที่วัดบวรนิเวศฯ จึงรู้สึกเป็นเกียรติและยินดี และสะดวกสำหรับประชาชนที่จะเดินทางมา
“เมื่อนำพระบรมราชสรีรางคารมาประดิษฐาน ประชาชนละแวกนี้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะเดินทางไปกราบไหว้บ่อยๆ และยังได้ไหว้พระในโบสถ์ในคราวเดียวกัน เพราะท่านถือเป็นผู้มีบารมี ทำประโยชน์ให้กับประชาชนคนไทย รวมถึงโครงการอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และการได้กราบไหว้ท่านก็ถือเป็นบารมีของเรา เพราะเราเกิดในรัชกาลที่ 9”
“ยอมรับว่ารู้สึกสูญเสียเมื่อทราบข่าวว่าท่านจากไป และรู้สึกใจหาย ไม่มีคำบรรยายใดๆ ที่จะพูดถึง ซึ่งเชื่อว่าคนไทยทุกคนจะรู้เหมือนกันหมดว่าท่านจากไป รู้ว่าไม่มีท่านอีกแล้ว แต่ถึงอย่างไรท่านก็อยู่ในใจพวกเราคนไทยทุกคนตลอดไป”
ชัชวาล เสียงสุทธิวงศ์ อายุ 35 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ละแวกวัดราชบพิธฯ บอกว่า การนำพระบรมราชสรีรางคารมาประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ ทำให้รู้สึกดีใจว่าพระองค์ท่านไม่ได้อยู่ไหนไกล
“ถ้าผมมีโอกาสก็จะทำบุญให้ท่านไปทุกวันหรือทุกอาทิตย์ และทางวัดราชบพิธฯ จะกลายเป็นที่ประชาชนรู้จักมากขึ้น และมากราบไหว้ท่าน อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการท่องเที่ยวได้อีกทาง และยังเรียกศรัทธาประชาชน เพราะวัดนี้เคยเป็นที่จำพรรษาของสมเด็จพระสังฆราช จนทำให้วัดดังกล่าวดังขึ้น และเมื่อจะมีการนำพระบรมราชสรีรางคารมาประดิษฐานไว้อีก ก็จะทำให้วัดกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น และความรู้สึกผมเมื่อทราบข่าวเรื่องนี้ ก็ทำให้ผมในฐานะเป็นคนไทยคนหนึ่งรู้สึกอบอุ่นใจ เหมือนพระองค์อยู่ใกล้ๆ เรา เหมือนเวลาเราอยู่บ้าน เปรียบเหมือนท่านเป็นพ่อเราคนหนึ่ง”
“เมื่อท่านมาอยู่ตรงนี้ก็จะหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน และหากมีโอกาสพิเศษ วันพิเศษๆ หรือวนครบปี ทางเราก็จะมีการจัดทำบุญใหญ่สักครั้ง เพื่อความเป็นสิริมงคลและอุทิศเป็นพระราชกุศลถวายท่าน”