posttoday

สุดทรงคุณค่า! 5 นักวิทย์หญิงที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลก

17 สิงหาคม 2565

ยังมีนักวิทยาศาสตร์หญิงอีกมากที่ไม่ถูกพูดถึงบนเวทีโลก หรือยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ผลงานของพวกเธอล้วนทรงคุณค่าและสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้

 

          เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายครั้งเรามักชื่นชมความสำเร็จหรือการค้นพบทางวิทยาศาสตร์แขนงใหม่ๆ โดยนักวิทย์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชายอกสามศอกทั้งสิ้น แต่ยังมีอีกหลายความสำเร็จที่มาจากนักวิทย์หญิงและสร้างคุณานุปการอันมากล้นแก่โลกใบนี้ บทความนี้จึงขอรวบรวมรายชื่อนักวิทย์หญิงที่แสนทรงคุณค่า เพราะพวกเธอมีส่วนช่วยผลักดันเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก และยังนำเสนอแง่มุมใหม่ๆให้ชาวโลกได้รับรู้

สุดทรงคุณค่า! 5 นักวิทย์หญิงที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลก

Dr Jane Goodall: หญิงผู้ทำให้โลกรู้จักชิมแปนซีมากกว่าเดิม

 

          ใครจะรู้ว่าจากแค่ตุ๊กตาชิมแปนซีชื่อ Jubilee ที่พ่อของเธอซื้อให้ จะทำให้ Jane เติบโตขึ้นมาเป็นคนรักสัตว์ขนาดนี้ เธอบอกว่าตุ๊กตาตัวนั้นเป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนชั้นดีที่ทำให้เธอสนใจในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ จนต้องย้ายไปแอฟริกาเพื่อศึกษาพวกมัน นอกจากความทุ่มเทแรงกายแรงใจศึกษาพฤติกรรมชิมแปนซีและตีแผ่ข้อเท็จจริงต่างๆแล้ว Jane ยังเป็นนักกิจกรรมตัวยง เป็นมังสวิรัติ และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังทรงอิทธิพลแม้อายุจะล่วงเลยเข้าสู่เลข 8 แล้ว เด็กๆหลายคนยังคงมีความฝันที่อยากเติบโตมาแล้วทำให้ได้อย่างเธอ

 

ความเชี่ยวชาญ: วานรวิทยาและมานุษยวิทยา Dr. Goodall ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิมแปนซี

 

ผลงานที่โดดเด่น: งานวิจัยที่หักล้างทฤษฎีที่ว่ามีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถใช้เครื่องมือได้และชิมแปนซีเป็นมังสวิรัติ โดยดำเนินการวิจัยที่อุทยานแห่งชาติ Gombe Stream ประเทศแทนซาเนีย 

 

ในปี 1977 เธอได้ก่อตั้งสถาบัน Jane Goodall องค์กรที่สร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการวิจัย ปกป้องถิ่นที่อยู่อาศัย และป้องกันชิมแปนซีจากการถูกล่า 

 

สุดทรงคุณค่า! 5 นักวิทย์หญิงที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลก

Dr Sylvia Earle: เจ้าหญิงแห่งท้องทะเลลึก

 

          Sylvia Earle เป็นหนึ่งในนักดำน้ำที่จุดประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลให้กับโลกได้รับรู้ในวงกว้าง แล้วทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อมหาสมุทรอย่างแท้จริง เธอได้รับสมญานามว่า ‘เจ้าหญิงแห่งห้วงลึก (Her Deepness)’ จากการที่เธออุทิศตนเพื่อท้องทะเลมาทั้งชีวิต นอกจากนี้เธอยังเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญในสารคดีเรื่อง Seaspiracy ที่ฉายอยู่บน Netflix อีกด้วย

 

ความเชี่ยวชาญ: ชีววิทยาทางทะเล เธอเป็นนักสำรวจภาคประชาชนของ National Geographic และยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับโลกในด้านการอนุรักษ์มห­าสมุทร

 

ผลงานที่โดดเด่น:  ในปี 1970 Sylvia Earle เป็นผู้นำทีมประดาน้ำหญิงล้วนชุดแรกในโครงการทดลอง Tektite II ที่ออกแบบมาเพื่อสำรวจพื้นที่ทางทะเลและผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ที่เกิดขึ้นขณะดำน้ำ ต่อมาในปี 1979 เธอได้สร้างสถิติโลกสำหรับการดำน้ำแบบไร้ทีมซัพพอร์ต (untethered dive) ที่ลึกที่สุดที่ 381 เมตร และยังเป็นสถิติที่ไม่มีใครลบล้างได้ (ปกติแล้วการดำน้ำจะแบ่งเป็นแบบ tethered dive และ untethered dive ซึ่ง tethered dive คือการดำน้ำที่มีการคอยช่วยกำกับดูแลจากเจ้าหน้าที่หรือทีมงานที่ไม่ได้อยู่ใต้น้ำ)

 

          Sylvia Earle ยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติเกี่ยวกับมหาสมุทรและบรรยากาศ เป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับราชการด้วยตำแหน่งนี้ 

 

          ในปี 2009 เธอได้รับรางวัล TED prize มูลค่ากว่า 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเธอก็ใช้เงินส่วนนั้นไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล ไม่ว่าจะงานวิจัย สารคดี หรือผลงานต่างๆของเธอ ล้วนรังสรรออกมามาเพื่อสร้างความตระหนักของภัยคุกคามที่เกิดจากการทำการประมงมากเกินไปและมลพิษต่างๆที่ส่งผลต่อโลกใต้มหาสมุทร

 

สุดทรงคุณค่า! 5 นักวิทย์หญิงที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลก

 

Dr Katharine Hayhoe: ผู้สื่อสารเรื่อง Climate Change ชั้นยอด

 

          ใครจะคาดคิดว่าวิทยาศาสตร์กับศาสนาจะสามารถไปด้วยกันได้ แต่พ่อของ Katherine Hayhoe ทำให้เห็นแล้วเพราะนอกจากเขาจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขายังเป็นเป็นมิชชันนารีเผยแพร่ศาสนาด้วยเช่นเดียวกัน ในจุดนี้เองที่ทำให้ Katharine Hayhoe เห็นว่าสองสิ่งนี้สามารถอยู่ร่วมกันได้ และพ่อของเธอก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีที่เดียวในการทำให้เธออยากเติบโตขึ้นในฐานะนักวิทยาศาสตร์

 

          ในช่วงที่บารัค โอบามายังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาเคยเชื้อเชิญให้ Katherine เข้าพบยังทำเนียบขาวมาแล้ว นอกจากนี้เธอยังเคยได้ร่วมกล่าวสุนทรพจน์เคียงบ่าเคียงไหล่ Leonardo DiCaprio ในประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศด้วยเช่นกัน

 

ความเชี่ยวชาญ: วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับชั้นบรรยากาศ

 

ผลงานที่โดดเด่น: ตีพิมพ์งานวิจัยมากกว่า 120 ชิ้นที่ทำให้ต้องยกคำว่า Climate Change ขึ้นมาถกกันใหม่ ขณะที่เธอทำงานให้กับ National Climate Assessment เธอยังเป็นเจ้าของวาทกรรม

 

          “วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศกำลังเกิดขึ้นที่นี่ ตอนนี้ เวลานี้ ไม่ใช่ในอนาคตอันไกลโพ้น ทางเลือกที่เราตัดสินใจในวันนี้จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งยวดต่ออนาคต ” 

 

          นิตยสาร New York Times ได้เผยแพร่หนึ่งในวาทกรรมเด็ดของเธอไว้ว่า “การปฎิเสธว่าเกิดวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิกาศมีอยู่ 6 ขั้นตอนคือ 1. มันไม่มีจริงสักหน่อย 2. เราไม่ได้ทำนะ 3. มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก 4. ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแก้ปัญหานี้มันแพงไป 5.โอ๊ะ! มีวิธีเด็ดๆที่จะแก้ไขได้แล้ว (ซึ่งจริงๆก็คือไม่ทำอะไร) 6. โอ้ย ตอนนี้มันสายเกินแก้แล้ว ทำไมไม่เตือนกันให้ไวกว่านี้”

 

          จากรายงานของ  IPCC ในปี 2019 Katharine เป็นหนึ่งในผู้ที่ชนะโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ‘UN Champions of the Earth 2019’ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบแก่ผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมจากทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน

 

          งานต่างๆที่เธอได้ทำชี้ให้เห็นว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศ และนักสื่อสารชั้นยอด ดังนั้นเธอจึงสามารถให้ความเห็นด้าน Climate Change และจี้ได้อย่างตรงจุด

 

          ปัจจุบันเธอรับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ที่ Texas Tech University ควบคู่ไปกับการเป็นผู้อำนวยการที่ Climate Service Center

 

สุดทรงคุณค่า! 5 นักวิทย์หญิงที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลก

 

Dr Paola Arias: วิทยากรสาวชาวละติน

 

          ผู้หญิงชาวโคลอมเบียคนแรกที่ได้รับเชิญให้ร่วมเขียนงานวิจัยให้กับ IPCC 

 

ความเชี่ยวชาญ: วิทยาศาสตร์โลก บรรยากาศศาสตร์ และ ธรณีวิทยา

 

ผลงานที่โดดเด่น: Arias โดดเด่นมากในเรื่องของรูปแบบปัจจัยทางสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวข้องกับน้ำและความชื้นในอเมริกาใต้ เธอได้รับปริญญาโทถึง 2 ใบ และปริญญาเอกอีก 1 ใบด้วยกัน ซึ่งปริญญาที่ได้มาจากการวิจัยของเธอเกี่ยวกับความแปรปรวนของสภาพอากาศในภูมิภาคมรสุมและอเมซอน ซึ่งจากความเข้าใจและการเฝ้าสังเกตระบบน้ำอยู่เสมอ ทำให้เธอถูกรับเชิญให้เป็นหนึ่งในผู้ตีพิมพ์งานวิจัยของ IPCC ฉบับล่าสุด

 

          ปัจจุบันเธอทำหน้าที่เป็นศาสตราจารย์ประจำ University of Antioquia และเป็นหัวหน้าในส่วนของภาควิชาสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการสอนเธอมักถูกเชิญให้ไปเป็นวิทยากรบรรยายตามงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือการเปลี่ยนแปลงทางอุทกวิทยาในอเมริกาใต้ และในงาน TEDxBogotaMujeres ก็ได้เชิญให้เธอเป็นผู้ดำเนินรายการพิเศษในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์เช่นกัน

สุดทรงคุณค่า! 5 นักวิทย์หญิงที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลก

Sunita Narain: ผู้สะสางอากาศ

 

          นอกจากเธอจะเป็นหมอประจำศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมแล้ว เธอยังเป็นนักสิ่งแวดล้อมที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในอินเดีย Sunita มีบทบาทในเรื่องของการรณรงค์การลดมลพิษทางอากาศในกรุงนิวเดลลี มานานหลายสิบปี เธอสร้างความตระหนักให้กับสังคมว่าสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญขนาดไหน และความยากจนของคนชายขอบมีความสำคัญต่อความก้าวหน้าของสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

ความเชี่ยวชาญ: ปัญหาสิ่งแวดล้อม

 

ผลงานที่โดดเด่น: ในปี 1982 เธอเริ่มทำงานที่ศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม (CSE) หลังจากสำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเดลี เธอมีส่วนในการร่วมแก้ไขรายงานด้านสิ่งแวดล้อมของอินเดียในปี 1985 ซึ่งนำไปสู่การศึกษาระบบการจัดการป่าไม้และการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติเชิงลึก 

 

          เธอยังเป็นผู้บุกเบิกองค์กร The New Delhi–based Centre for Science and Environment ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ลดระดับมลพิษทางอากาศที่เป็นอันตรายต่อเมืองหลวงของคนอินเดียมามากว่าทศวรรษ และยังยืนหยัดค้านชนชั้นสูงหัวอนุรักษ์นิยมที่เปรียบดั่งชนวนปัญหาสิ่งแวดล้อม เธอได้กล่าวนโยบายยินยอมให้คนที่อาศัยอยู่ในป่าและคนในท้องถิ่นของอินเดีย ว่าเป็นคนสำคัญที่จะต้องดูแลสิ่งแวดล้อมของพวกเขาแทนพวกเราด้วย นี่คือเสียงที่ต้องการอย่างเร่งด่วน อันเป็นหัวใจในยุคของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

          ในสารคดีเกี่ยวกับสภาพอากาศเรื่อง Before the Flood ซึ่งมีลีโอนาร์โด ดิคาปริโอร่วมแสดงด้วย เธอมีส่วนในการร่วมแชร์ถึงปัญหามรสุมในอินเดียที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาที่เกิดจากเกษตรกรในประเทศ รวมถึงปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร เนื่องจากเธอเป็นผู้ชำนาญการเรื่องการเก็บกักน้าเพื่อนำมาใช้ประโยชน์(Water Harvesting) และในปี 2016 เธอติด 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกจากนิตยสารไทม์

 

          ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมานี้ พวกเธอไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนของผู้หญิงที่อยู่ในวงการวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของความเชี่ยวชาญ ความอ่อนโยนต่อโลกและสิ่งมีชีวิตต่างๆอีกด้วย