เปิดนิคมอุตฯรองรับแปรรูปยางพารา

08 สิงหาคม 2554

กนอ.จับมือ ไทร เบคค้า เปิดนิคมฯ หลักชัยเมืองยางรองรับอุตฯแปรรูปยางพารา 

กนอ.จับมือ ไทร เบคค้า เปิดนิคมฯ หลักชัยเมืองยางรองรับอุตฯแปรรูปยางพารา 

นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังการลงนามสัญญาร่วมดำเนินงานกับบริษัทไทร เบคก้า เอ็นเตอร์ไพร์ส ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ว่า นิคมฯ หลักชัยเมืองยาง มีอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อรองรับอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราขั้นปลาย และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งจะมีการตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาง ไม้ยางพารา มีแผนพัฒนาในระยะ 3 ปี มูลค่าการลงทุน 3,240 ล้านบาท พื้นที่โครงการ 2,441 ไร่ เปิดดำเนินการซื้อขายที่ดินได้ภายในเดือนม.ค. 2554  และมีเป้าหมายจะขายพื้นที่ได้หมดภายใน 2 ปี

นายหลักชัย กิตติพล กรรมการบริษัทไทร เบคก้า เอ็นเตอร์ไพร์ส กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนสนใจเข้ามาเจรจาซื้อขายพื้นที่แล้วกว่า 10 ราย รวมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายใหญ่จากประเทศจีน เข้ามาตั้งโรงงานผลิตยางล้อ เช่น บริษัทหางโจว จงเช่อ รับเบอร์ ผู้ผลิยางล้ออันดับ 1 ของประเทศจีน ที่สนใจเข้ามาซื้อที่ 300 ไร่ ตั้งโรงงานผลิตยางล้อรถยนต์ 1 ล้านเส้นต่อปี และยางรถ 10 ล้อ 3 แสนเส้นต่อปี และภายในปีที่ 3 จะเพิ่มการผลิตยางล้อรถยนต์ให้ได้ 3 ล้านเส้น และรถ 10 ล้อ 1 ล้านเส้น มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลจีน ยังร่วมกับไทร เบคก้า เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางขึ้นในนิคมฯ เนื่องจากจีนถือเป็นผู้ใช้ยางรายใหญ่ของโลก การเข้ามาทำวิจัยและพัฒนาในแหล่งสัตถุดิบจะได้ประโยชน์สูงสุด โดยสามารถเริ่มวิจัยพัฒนาตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ

"ตอนนี้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจอื่นๆ เข้ามาร่วมลงทุนโดยถือหุ้นไม่เกิน 25% ซึ่งก็มีบริษัทจีนบางรายให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุน โดยการที่เราเปิดนิคมฯนี้เพราะเห็นอนาคตของอุตสาหกรรมยางยังมีการเติบโตต่อเนื่องและจีนมีความต้องการมากย่อมสนใจจะเข้ามาตั้งโรงงานที่มีวัตถุดิบ"นายหลักชัย กล่าว

สำหรับนิคมฯ หลักชัยเมืองยาง ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลสำนักทอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยมีทำเลอยู่ใกล้ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา มีความสะดวกในการขนส่ง รวมทั้งอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ

นายหลักชัย กล่าวว่า อุตสาหกรรมยางพาราของไทยควรก้าวขึ้นอุตสาหกรรมขั้นปลาย เพราะปัจจุบันไทยส่งออกยางพาราในรูปของวัตถุดิบ เช่น น้ำยาง ยางแผ่น ยางแท่ง เป็นส่วนใหญ่ และส่งออกผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพียง 10% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์สามารถสร้างมูลค่าได้ 3 แสนล้านบาทต่อปี หากสามารถเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์ได้เป็น 50% จะเพิ่มมูลค่าได้ถึง 1 ล้านล้านบาท จึงต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นปลายให้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ยังไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควร

สำหรับราคายางในตลาดโลกของปี 2554 มีราคาสูงกว่าปีก่อน 30% โดยตอนนี้ราคาอยู่ที่ระดับ 130 บาทต่อกิโลกรัม โดยไทยคาดการณ์ปริมาณการผลิตทั้งปีไว้ที่ 3.4 ล้านตัน จากพื้นที่ปลูกยาง 17 ล้านไร่ ส่วนความต้องการของตลาดโลกในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 11 ล้านตัน และจะเพิ่มขึ้นอีก 5% ในปีหน้า แต่ยังคงต้องจับตามองสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู) ว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร เพราะจะส่งผลต่อราคาในตลาดโลกได้ 

Thailand Web Stat