posttoday

สมาคมบจ.หารือคลัง

12 กันยายน 2554

สมาคม บจ.เตรียมเข้าพบ “ธีระชัย” อ้อนสานต่อแผนพัฒนาตลาดทุน แก้อุปสรรคควบรวมกิจการ บจ.

สมาคม บจ.เตรียมเข้าพบ “ธีระชัย” อ้อนสานต่อแผนพัฒนาตลาดทุน แก้อุปสรรคควบรวมกิจการ บจ. เผยผลสำรวจ บจ. 50% เห็นด้วยค่าแรง 300 บาท

น.ส.เพ็ญศรี สุธีรศานต์ ผู้อำนวยการสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (สมาคม บจ.) เปิดเผยว่า สมาคมเตรียมเข้าพบนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง เพื่อแสดงความยินดี ขณะเดียวกันอาจหารือแนวทางที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนมีศักยภาพและสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้

สำหรับประเด็นหลักที่ต้องการเสนอให้ รมว.คลัง พิจารณาคือ การสานต่อทุกอย่างในแผนงานพัฒนาตลาดทุนไทย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ได้ผ่านกระบวนความคิดและการคัดกรองที่ดีจากคนตลาดทุนมาแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนและความคืบหน้าในการสานต่อตามแผนพัฒนาตลาดทุนที่ได้กำหนดไว้

นอกจากนั้น อยากให้มีการแก้ไขเกณฑ์หรืออุปสรรคในการควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งปัจจุบันการควบรวมกิจการถือเป็นเครื่องมือสำคัญของภาคเอกชนที่ต้องการปรับโครงสร้างการบริหารและทำให้ บจ.มีความสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ตอนนี้รอฝ่ายประสานงานยืนยันว่าตกลงจะให้เข้าไปแสดงความยินดีในวันไหน ซึ่งหากมีโอกาสได้เข้าพบก็จะหารือเรื่องความคืบหน้าในการใช้แผนพัฒนาตลาดทุนและสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการควบรวมกิจการ ขณะที่ไม่เน้นเรื่องการลดภาษีนิติบุคคล เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่แล้ว” น.ส.เพ็ญศรี กล่าว

ด้านนายเย็บ ชูซวน ประธานกรรมการ บริษัท อาปิโก ไฮเทค (AH) กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้มีทั้งนโยบายที่จะส่งผลบวกและผลลบต่อการดำเนินกิจการ ซึ่งนโยบายเชิงบวกคือ การลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 23% ในปี 2555 และ 20% ในปี 2556 รวมถึงมาตรการให้ลดหย่อนภาษีรถคันแรก 1 แสนบาท ส่งผลให้อุตสาห กรรมรถยนต์เติบโตดีขึ้นอีกจากที่เติบโตอยู่แล้วในปัจจุบัน และส่งผลดีต่อบริษัท อาปิโก ด้วย

สำหรับนโยบายด้านลบคือ ค่าแรง 300 บาท ทำให้ต้นทุนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในส่วนของบริษัท อาบิโกฯ ปัจจุบันมีพนักงานที่มีค่าแรงไม่ถึง 300 บาท แต่บริษัทก็ดูแลพนักงานด้วยการจัดรถรับส่ง รวมถึงมีอาหารให้กินฟรี 2 มือ และมีสวัสดิการต่างๆ ที่ดีกับพนักงาน

“เรื่องค่าแรงจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะต้องขึ้นกันทั้งระบบ หากคนเดิมที่ทำอยู่แล้วไม่ขึ้นก็อาจจะทำให้พนักงานรวมตัวกันได้ ซึ่งรัฐจะต้องจัดการและวางแผนให้ดี”

นางเพ็ญศรี ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.พาณิชย์ ขอความร่วมมือให้บริษัทจดทะเบียนขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน และเงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท ว่า ทางสมาคมได้สำรวจความคิดเห็น บจ.ซึ่งประมาณ 50% เห็นด้วยกับรายได้ 300 บาท แต่ บจ.ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่พนักงานรายได้เกิน 300 บาทอยู่แล้ว ยกเว้น บจ.ขนาดกลางและเล็ก และบริษัทที่มีโรงงานต่างจังหวัดที่ยังจ่ายไม่ถึง หากขึ้น 300 บาท ก็ทำให้ต้นทุนพุ่งสูงขึ้น ขณะที่การลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% นั้นไม่สามารถครอบคลุมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะ บจ.ขนาดเล็กความสามารถทำกำไรต่ำ

จากผลสำรวจนั้นอุตสาหกรรมสิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์จะได้รับผลกระทบจากค่าแรง 300 บาท มากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ

สำหรับเงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการจ้างงานทั้งระบบซึ่งในเรื่องทั้งหมดนี้ได้นำเสนอต่อ รมว.พาณิชย์ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว และทางเอกชนก็ได้แจ้งว่าต้องให้เป็นไปตามกลไกการจ้างงานและต้องไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลมากนัก