ตีกรอบค่าแรงซ่อมรถ

03 ธันวาคม 2554

ถือเป็นข่าวดีสำหรับประชาชนคนไทย เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

ถือเป็นข่าวดีสำหรับประชาชนคนไทย เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

สมาคมประกันวินาศภัย สมาคมสหมิตรการซ่อมรถยนต์แห่งประเทศไทย อู่กลางการประกันภัย และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกันจัด “โครงการบูรณาการซ่อมรถประสบภัยน้ำท่วมปี 2554” เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา

เป้าหมายหลักคือ ให้บริการซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วมอย่างต่ำ 4 หมื่นคัน ชนิดที่ราคาเป็นธรรม ไม่โขก ไม่ขูด คนที่ประสบกับชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โครงการนี้เน้นหนักในการสร้างราคาอ้างอิงในการนำรถเข้าซ่อมกับอู่ที่เข้าร่วมโครงการ

ถึงตอนนี้มีอู่ซ่อมรถที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 58 อู่ ทุกอู่จะติดป้ายสัญลักษณ์คำว่า “โครงการบูรณาการซ่อมรถประสบภัยน้ำท่วม ปี 2554”

ประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ.เชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวจะสามารถรองรับการให้บริการซ่อมรถยนต์หลังน้ำลดอย่างมีระบบ และเพียงพอกับความต้องการของประชาชน

ตีกรอบค่าแรงซ่อมรถ

 

ประเวช ประเมินว่า น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ คาดว่าจะมีรถที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดประมาณ 4 หมื่นคัน ในจำนวนนี้มีรถที่มีประกันภัยชั้น 1 ประมาณ 2 หมื่นคัน คิดเป็นความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท

โดยถึงวันนี้มีเจ้าของรถแจ้งเคลมประกันเข้ามายังบริษัทประกันแล้ว 6,000 คัน 3 หน่วยงาน จึงได้ร่วมกันจัดทำค่าแรงในการซ่อมตามระดับน้ำที่ท่วมรถยนต์และความเสียหาย โดยไม่รวมค่าอะไหล่และค่าแรงทำสี จะปล่อยให้เป็นไปตามราคาตลาด

สำหรับค่าแรงการซ่อมแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ

ระดับ A คือ ส่วนบนพรมและพื้นรถ 15 รายการ ค่าแรงการซ่อมอยู่ที่ 8,000-1 หมื่นบาท กำหนดซ่อมแล้วเสร็จภายใน 3-5 วัน

ระดับ B คือ ส่วนบนเบาะนั่ง 26 รายการ ค่าแรงการซ่อมอยู่ที่ 1.5-2 หมื่นบาท กำหนดซ่อมให้เสร็จภายใน 15-20 วัน

ระดับ C คือ ส่วนบนแผงหน้าปัดและคอนโซล 39 รายการ ค่าแรงการซ่อมอยู่ที่ 2.5-3 หมื่นบาท กำหนดซ่อมให้แล้วเสร็จภายใน 30-45 วัน

ระดับ D ส่วนบนหลังคารถ อาจมีการต้องจ่ายคืนทุน กำหนดค่าแรงขั้นต้นในการซ่อม 3 หมื่นบาท ส่วนระยะเวลาขึ้นอยู่กับความเสียหาย ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนได้

กรณีค่าซ่อมที่มีการรวมค่าแรงและค่าอะไหล่รวมกันแล้วเกิน 70% จะแนะนำให้อู่แจ้งลูกค้า เพื่อเลือกว่าจะซ่อมหรือเลือกรับค่าสินไหมทดแทนเต็มทุนประกันภัย ซึ่งบริษัทประกันจะจ่ายให้ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่เอกสารครบ

คปภ.ย้ำว่า ระดับราคาค่าซ่อมใน 4 ระดับที่กำหนดขึ้นมานี้ ไม่รวมค่าแรงทำสีและค่าอะไหล่ที่เสียหายและต้องมีการเปลี่ยน

ซึ่งอู่แต่ละแห่งจะดำเนินการจัดเปลี่ยนเฉพาะที่เสียหายไม่สามารถซ่อมได้เท่านั้น และราคาขึ้นอยู่กับประเภทและยี่ห้อของรถยนต์ที่ลูกค้าแต่ละคนขับขี่

ตีกรอบค่าแรงซ่อมรถ

 

สำหรับราคาค่าแรงนี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะรถที่มีประกันภัยเท่านั้น แต่จะใช้กับรถที่ไม่มีประกันด้วย เพื่อให้ประชาชนได้มีราคาอ้างอิงที่สามารถประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถได้ เป็นการสร้างมาตรฐานราคาค่าแรงในการซ่อมรถ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกันภัย

นอกจากนี้ คปภ.และภาคเอกชนจะมีการจัดตั้งศูนย์บริการรับแจ้งเหตุและให้คำแนะนำขอยื่นรับค่าสินไหมทดแทน ประสานงานด้วยรถยกรถลาก และบริการตรวจสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฟรี 20 รายการ โดยช่างผู้ชำนาญการจากศูนย์รถยนต์และรถจักรยานยนต์

อาทิ ตรวจสภาพสายพานหน้าเครื่อง วัดรอบเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง หลอดไฟเบรก หลอดไฟหน้า ไฟท้าย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์หากตรวจพบหัวเทียน หลอดไฟ และน้ำมันเครื่องไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจะดำเนินการการเปลี่ยนให้ฟรีไม่มีจำกัดจำนวน

สำหรับศูนย์บริการจะออกไปให้บริการถึงที่ 4 ครั้ง ตลอดเดือน ธ.ค. โดยวันที่ 8 ธ.ค. จะไปให้บริการที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ วันที่ 14 ธ.ค. จะให้บริการที่เทศบาลอำเภอบางบัวทอง วันที่ 15-18 ธ.ค. จะไปให้บริการในงานมหกรรม...ซ่อมได้ ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และวันที่ 21-24 ธ.ค. จะไปให้บริการในงาน Metalex ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค

ขณะที่ สมพร สืบถวิลกุล ประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ราคาค่าอะไหล่ ได้เจรจากับผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายให้เตรียมอะไหล่ไว้บริการประชาชนได้ทันท่วงที

สมพรยอมรับว่า อะไหล่บางอย่างอาจจะขาดแคลน เนื่องจากผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายไม่ได้สำรองอะไหล่ไว้ เนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายบ่อยนัก เช่น ส่วนประกอบของสมองกลและอิเล็กทรอนิกส์จะพยายามเจรจาให้คงราคาเดิม เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ด้าน ณรงค์ศักดิ์ สัจจะไทย เลขาธิการสมาคมสหมิตรการซ่อมรถยนต์แห่งประเทศไทย ยอมรับว่า ค่าแรงที่กำหนดขึ้นตามระดับความเสียหาย เป็นการร่วมกันกำหนดขึ้นโดยใช้สถิติจากการซ่อมจริง จึงเป็นราคาที่รับได้และเหมาะสมและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะต้องใช้ผู้ชำนาญการเฉพาะ และใช้ความระมัดระวังในการซ่อมสูง

แต่จะไม่มีการรับประกันภายหลังการซ่อม เพราะใช้มาตรฐานเดียวกับอู่ห้างที่ไม่มีการรับประกันการซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วม

สำหรับอู่ของสมาคมสหมิตร มีสถานะเป็นอู่กลางการประกันภัยด้วย ทั่วประเทศมีทั้งหมด 500 อู่ แต่อู่ที่เข้าร่วมโครงการบูรณาการซ่อมรถประสบภัยน้ำท่วมปี 2554 มีจำนวน 58 อู่ ซึ่งเป็นอู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล

ขณะที่อู่สหมิตรและอู่กลางที่อยู่ในเขต กทม.และปริมณฑล มีประมาณ 200-300 อู่ มีอู่ที่ถูกน้ำท่วมประมาณ 30 แห่ง ซึ่งจะมีการดึงช่างฝีมือจากอู่ที่ถูกน้ำท่วมมาให้บริการแก่ประชาชนในอู่ที่สามารถให้บริการได้ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชน โดยคาดว่าจะมีจำนวนอู่ในพื้นที่น้ำท่วมเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่มีการทำประชาสัมพันธ์ออกไป

ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการเตรียมการรองรับรถที่กำลังจะเข้าสู่การซ่อมแซมครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้ ทำให้ประชาชนมีราคาอ้างอิงในการนำรถเข้าซ่อม

ราคาค่าแรงในการซ่อมรถชุดนี้ อู่อื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการไม่ต้องใช้ราคานี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้า

แม้ว่าราคาค่าแรงในการซ่อมรถชุดนี้อาจจะดูแพง เพราะๆ ไม่มีการรวมค่าซ่อมและอะไหล่ แต่อย่างน้อยนี่คือราคาอ้างอิงที่เจ้าของรถจะได้รู้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการซ่อมรถที่คุณรัก

 

Thailand Web Stat