posttoday

สุดซูซ่า กับ SLK 200

25 เมษายน 2555

ควบม้า 180 ตัว กับเมอร์เซเดส เบนซ์ โรดสเตอร์ SLK 200

ลองขับ โรดสตอร์ ดาว 3 แฉก เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบ กับแรงม้า 180 แรงม้า

โดยนิธิ ท้วมประถม

สุดซูซ่า กับ SLK 200

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ชื่อชั้นของรถยนต์รุ่นนี้คงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าติดท็อปคลาสระดับโลกกันไปแล้ว และก็เป็นหนึ่งในรถยนต์ในฝันของใครหลายๆ คนที่อยากจะครอบครองรถยนต์เจ้าของโลโก้ดาว 3 แฉกนี้ด้วย

สัปดาห์นี้ผมเลยขอรายงานผลการทดลองขับหนึ่งในตระกูลรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่าง SLK ซึ่งเป็นรถในตระกูล|โรดสเตอร์ 2 ประตู 2 ที่นั่ง ซึ่งสาวกดาว 3 แฉกต่างหลงใหลกันไม่น้อย

ซึ่ง SLK รุ่นที่ผมขับนั้นเป็นรุ่น 200 ครับ หรือรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรนั่นเอง ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย นำเข้ามาจำหน่าย 2 รุ่น คือ รุ่น 200 และ 350 ที่สุดแสนจะร้อนแรง

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ SLK นั้นเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าเงินถุงเงินถังอยู่แล้ว

หน้าตาของ SLK 200 นั้นผมเชื่อว่าใครหลายต่อหลายคนคงจะหลงรักเจ้ารถสปอร์ตหน้าตาแสนจะโฉบเฉี่ยวคันนี้กันอย่างแน่นอน

ด้วยด้านหน้า-หลังที่ถูกออกแบบเป็น V-shape ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะเจ้า SLK คันนี้ยังคงความคลาสสิกในเรื่องของรูปร่างหน้าตาแบบรถโรดสเตอร์ ทั้งฝากระโปรงหน้ายาว ท้ายสั้น ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่ง แถมด้วยชุดแต่งจาก AMG ทั้งกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ต ที่ชายขอบล่างของตัวถัง ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว เปรี้ยวจี๊ดเลยทีเดียว

ไฟหน้าของ SLK 200 เป็นแบบไบซีนอน ไฟ LED และสัญญาณไฟเลี้ยวรูปแบบใหม่ที่รวมอยู่ในกรอบเดียวกัน และแน่นอนต้องมีไฟ Daytime แบบ LED ที่ติดตั้งที่กันชนหน้า สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายการจราจรของยุโรป

 

สุดซูซ่า กับ SLK 200

เดินดูรอบๆ คันแล้ว ไม่มีที่ติกับเรื่องการออกแบบและความสวยงาม ขอเข้าไปในตัวรถก่อนดีกว่า

หย่อนตัวนั่งลงบนที่นั่ง ก็ต้องบอกไว้เลยว่ารถคันนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีอายุอานามมากๆ เพราะตัวรถค่อนข้างเตี้ยกว่ารถปกติ ทำให้ตำแหน่งในการนั่งต้องหย่อนตัวลงไปมากกว่าปกติ เวลาลุกขึ้นยืนลำบากพอสมควรครับ จะไม่ให้เตี้ยยังไง เพราะ SLK 200 มาพร้อมชุดแต่ง AMG ที่เตี้ยกว่ารุ่นปกติอีก 10 มม.

ผมว่าเจ้ารถอย่างนี้น่าจะมีคอร์สสอนนั่ง เวลาเข้าออกรถหน่อยครับเพราะไม่อย่างนั้นเวลาขับเข้าไปที่ไหนก็ดูเท่ดีไม่น้อย แต่เวลาลงจากรถดูยักแย่ยักยันยังไงไม่รู้ หมดหล่อกันพอดี

ภายในของ SLK 200 นั้นสปอร์ตเต็มขั้นทีเดียว เริ่มตั้งแต่เบาะหนังสีดำทรงสปอร์ต ที่ทั้งสวยทั้งนุ่มแถมกระชับตัวดีจริงๆ ครับ แต่ถ้าใครไม่ชอบนั่งเบาะรถยนต์แบบสปอร์ตอาจจะรู้สึกอึดอัดกับที่นั่งแคบๆ เฉพาะตัวแบบนี้

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต 3 ก้านแสนเท่ แต่หากต้องการเท่กว่านี้จะสั่งให้หุ้มหนัง Nappa ก็ได้ครับ พวงมาลัยนี้สามารถควบคุมระบบอำนวยความสะดวกเกือบจะทั้งหมดไว้ในตัวรถ และยังมีระบบเปลี่ยนเกียร์ 7 สปีดที่พวงมาลัย พร้อมโหมดการขับขี่แบบแมนนวล แผงหน้าปัดแบบสปอร์ต ตกแต่งด้วยลวดลายธงตาหมากรุก

 

สุดซูซ่า กับ SLK 200

ไล่สายตามองมาเรื่อยๆ บริเวณคอนโซลกลาง ก็พบกับปุ่มควบคุมการเปิดปิดหลังคา ให้กลายเป็นรถเปิดประทุนอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ต้องขอบอกไว้เลยครับว่า การลองเจ้า SLK 200 ครั้งนี้ผมไม่มีโอกาสได้เปิดหลังคาชมดาวกับเขาเลย เพราะด้วยภารกิจที่ต้องขับตากแดดเปรี้ยงๆ เลยหมดอารมณ์กับการรับลม รับแดด

SLK 200 นี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,796 ซีซี เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้แรงม้าสูงถึง 184 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 5,250 รอบต่อนาที ที่สำคัญแรงบิดสูงสุดที่ 270 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์แค่ 1,800-4,600 รอบต่อนาที เท่านั้น

เสียงเครื่องยนต์ไม่ค่อยกระหึ่มเท่าไหร่ ธรรมดาๆ ครับ เลื่อนเกียร์มาตำแหน่ง D ออกตัวกันแบบธรรมดาก่อน การขับขี่ในเมืองทำได้ดีครับ เพียงแค่เหยียบคันเร่งเบาๆ รถก็ออกตัวแบบรวดเร็วได้อย่างสบายๆ ก็รอบเครื่องยนต์แค่ 1,800 รอบต่อนาที ก็สามารถเรียกแรงบิดได้แล้ว อย่างนั้นไม่ต้องกังวลในเรื่องความอืดของเครื่องแล้ว

 

สุดซูซ่า กับ SLK 200

น้ำหนักพวงมาลัยหนักเอาเรื่องเหมือนกัน นึกถึงสาวๆ ที่หากต้องขับรถแบบนี้ละก็เหนื่อยแน่ๆ แต่พวงมาลัยหนักๆ แบบนี้ดีสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงที่ผมขับอยู่ในระดับ 160-170 กม.-ชม. พวงมาลัยก็นิ่งดีครับ

ช่วงล่างไว้ใจได้ไม่มีปัญหา และหากเราปรับระบบช่วงล่างเป็นแบบสปอร์ต พร้อมโหมดการขับขี่แบบไดนามิก ยิ่งทำให้หนึบยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับความกระด้างของช่วงล่างที่เพิ่มขึ้นมากไปด้วย ซึ่งผมเองได้ลองระบบช่วงล่างสปอร์ตนี้ครู่เดียวเท่านั้นครับ ไม่สามารถใช้ได้ตลอดการเดินทาง ไม่อยากลงจากรถแบบกระดูกกระเดี้ยวหลุดเป็นชิ้นๆ

ค่าตัวที่ 4.299 ล้านบาท เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเศรษฐีที่อยากมีรถไว้ขับเล่นดูดาวสักคัน!!