ศรีตรังฯตั้งเป้า2ปีส่งออกยางป้อนตลาดโลก 1 ล้านตัน
ส่องอนาคตตลาดยางพาราผ่านสายตา ไชยยศ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ยักษ์ใหญ่แห่งตลาดยาง
ส่องอนาคตตลาดยางพาราผ่านสายตา ไชยยศ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ยักษ์ใหญ่แห่งตลาดยาง
ราคายางพาราทะลุ 100 บาทต่อก.ก.ปลุกเศรษฐกิจภาคใต้ขยายตัวอย่างคึกคัก "โพสต์ทูเดย์"มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ "ไชยยศ สินเจริญกุล"กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด ในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ มองทิศทางยางพาราจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร แผนการลงทุนและเป้าหมายของกลุ่มบริษัทศรีตรัง จะเดินหน้าไปทางไหน อย่างไร?
**วิเคราะห์สถานการณ์ยางพารา**
ราคายางพาราปีนี้ต่อเนื่องปีที่แล้วราคาดีมาตลอด สาเหตุจากอุตสาหกรรมยานยนต์ดี ทั้งจีน อินเดีย โดยเฉพาะจีนขยายตัวมากกว่า 20% ที่ยุโรปและอเมริกาค่อยๆฟื้น ขณะที่ผลผลิตยางพาราเพิ่มไม่หวือหวา มีสภาวะอากาศไม่เอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตออกมาไม่มาก ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก 2.9 ล้านตัน ส่งออกประมาณ 2.5 ล้านตัน เรายังใช้ยางพาราในประเทศน้อยเพียง 400,000 ตันเท่านั้นเพราะอุตสาหกรรมเรายังพัฒนาช้า
ปีนี้คาดว่าประเทศไทยน่าจะมีผลผลิตยางพาราออกมาถึง 3 ล้านตันถ้าสภาวะอากาศไม่แปรปรวนรุนแรง ส่วนการส่งออกปีนี้น่าจะประมาณ 2.5-2.6 ล้านตัน ส่วนคาดการณ์ว่าราคายางพาราทั้งปี 2553 น่าจะอยู่ที่ 80-90 บาทต่อก.ก. เพราะความต้องการใช้ยางมีเพิ่มสูงโดยเฉพาะที่จีนและอินเดีย ซึ่งจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจทางภาคใต้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากอานิสงส์ราคายางพาราอยู่ในเกณฑ์สูง โดยปัจจุบันยางพาราอยู่ในระดับ 100 บาทต่อก.ก.แล้ว
นอกจากนี้ในอนาคตยางพารายังมีลู่ทางที่ดี เพราะคนเริ่มนิยมหันมาใช้ยางพารา ในรูปแบบต่างๆไม่เฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น ยางพาราสามารถไปผสมกับวัสดุอื่นๆในอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย รวมทั้งกระแสอนุรักษ์ธรรมชาติ คนจะมาใช้ยางธรรมชาติมากกว่ายางสังเคราะห์ ซึ่งมีราคาแพงและมีการใช้น้อยลง
**แผนการลงทุนของศรีตรังฯ และความคืบหน้าล่าสุด**
ในปีนี้บริษัทฯวางแผนขยายงานอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดการลงทุนราว 350 ล้านบาทขยายโรงงานยางแท่ง กำลังผลิต 50,000 ตันที่จังหวัดหนองคาย ในเฟสแรก จะเปิดดำเนินการในกลางเดือนมีนาคมนี้ และหากในพื้นที่มีปริมาณยางพารามากพอ ยังสามารถขยายเฟส 2โดยมีกำลังผลิตได้อีกเท่าตัว
ส่วนโรงงานยางแท่งที่บุรีรัมย์ กำลังผลิต 50,000 ตัน เงินลงทุน 350 ล้านบาทซึ่งเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ในภาคอีสานนั้นจะเปิดเดินเครื่องในราวเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นบริษัทเล็งที่จะเปิดโรงงานยางแท่งแห่งที่ 3 ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในกำลังผลิตและเงินลงทุนใกล้เคียงกันอยู่ระหว่างเตรียมการ
โดยเหตุผลที่บริษัทขยายโรงงานทั้ง 3 แห่งเพราะต้องการขยายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่มีการปลูกยางพารา โรงงานแรกคลุมพื้นที่อีสานกลาง ซึ่งโรงงาน 2 แห่งคลุมอีสานใต้ ส่วนโรงงาน 3 คลุมอีสานเหนือ ซึ่งทั้ง 3 โรงงานเราสามารถขยายกำลังผลิตได้อีกเท่าตัว
นอกจากนั้นบริษัทฯยังลงทุนราว 1,200 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตถุงมือยางที่ จ.สุราษฎร์ธานี กำลังการผลิต 3,000 ล้านชิ้นตันต่อปีอยู่ระหว่างดำเนินการ
**แผนการปลูกยางพารา**
บริษัทตั้งเป้าปลูกทุกจังหวัดที่ปลูกยางพาราได้ โดยตั้งเป้าปลูกปีละ 5,000 ไร่ ล่าสุดปลูกไปเมื่อปีที่แล้วที่จังหวัดลำปางแปลงแรก 2,000 ไร่ ทางภาคอีสานาเตรียมปลูก 20,000 ไร่ขึ้นไป และถ้าพื้นที่ไหนมีผลผลิตรวมเป็นแสนตันขึ้นไปบริษัทจะไปตั้งโรงงาน เหตุผลที่โดดเข้ามาปลูกยางพาราเพราะต้องการทำธุรกิจอย่างครบวงจรทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เนื่องจากมีทั้งสวนยางพารา โรงงานยางแท่ง โรงงานผลิตถุงมือยาง ในอนาคตก็จะพัฒนาและขยายในส่วนของปลายน้ำให้มากขึ้น ส่วนเหตุผลที่เราขยายพื้นที่ปลูกมาทางภาคเหนือ อีสาน เพราะพื้นที่ทางภาคใต้เต็ม หาแปลงใหญ่ๆได้ยากและราคาแพงมาก ขณะที่ภาคอีสานพื้นที่ยังสามารถขยายได้เยอะ ราคาที่ดินถูก หาแปลงใหญ่ๆระดับ 2,000 ไร่ 5,000 ไร่ได้ในราคาไม่แพง
**การลงทุนในต่างประเทศ**
ขณะนี้ได้ขยายไปที่อินโดนีเซีย โรงงานแห่งที่ 1 อยู่เกาะสุมาตราเป็นการร่วมทุนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำโรงงานยางแท่งกำลังผลิต 80,000 ตันต่อปี ลงทุนประมาณ 500 ล้านบาทและภายใน 3 เดือนจะขยายกำลังผลิตเพิ่มอีก 40,000 ตัน ส่วนโรงงานแห่งที่ 2 ไปเทคโอเวอร์ที่เกาะกาลิมันตัน ลงทุนราว 400 ล้านบาท ขยายโรงงานยางแท่งกำลังผลิต 40,000 ตันต่อปี และวางแผนจะลงทุนโรงงานแห่งที่ 3 ในเร็วๆนี้ มีแผนที่จะลงทุนในประเทศอินโดนีเซียให้ครบ 5 โรงงานภายใน 5 ปีนับจากนี้
**ครองตลาด 10%ของโลก ขึ้นแท่นเบอร์ 1ในประเทศ**
จากการพัฒนาและขยายงานอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทฯศรีตรังกรุ๊ป ขยับขึ้นเป็นผู้นำผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ของไทยมีกำลังผลิตทั้งสิ้นราว 800,000 ตัน โดยบริษัทฯได้วางเป้าหมายไว้ในปี 2555 หรือ 2 ปีจากนี้ไปจะมีกำลังผลิตทะลุ 1 ล้านตัน จะขึ้นเป็นผู้ส่งออกที่ครองตลาด 10% ของโลก โดยทั่วโลกมีการส่งยางออกสู่ตลาด 10 ล้านตัน ขณะที่ในประเทศ ศรีตรังฯเป็นที่ 1 มาติดต่อกันเป็นปีที่ 2แล้ว
จากจุดเริ่มต้นจากคนไม่กี่สิบคน ก่อตั้งขึ้นในปี 2530 ด้วยทุนจดทะเบียน 31 ล้านบาท ในฐานะ ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพารา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เกษตร สำคัญอย่างหนึ่งในภาคใต้ ภายใต้การนำของ คุณสมหวัง สินเจริญกุล ผู้มีประสบการณ์ ในอุตสาหกรรมยางพารากว่า 40 ปี
ปัจจุบัน บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) มีบริษัทในเครือทั้งสิ้น 18 บริษัท 20 โรงงาน และมี สินทรัพย์มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมยางพาราซึ่งทุกคนต่างรู้จัก และให้การยอมรับในชื่อเสียงของกลุ่มบริษัทศรีตรังฯ เป็นอย่างดีในฐานะผู้นำในการผลิตส่งออก และจัด จำหน่ายยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพารารายใหญ่ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศ
ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทศรีตรังฯในปี 2552 รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯมีผลกำไร 2,100 ล้านบาท จากมูลค่าการซื้อขายประมาณ 80,000 ล้านบาท