เปิดตัวบิ๊กSPCGซื้อ‘วินเทจ’
กวาดหุ้นขายพีพีถือกว่า6.6% ‘ถวิลเติมทรัพย์’บิ๊กล็อตKBS
กวาดหุ้นขายพีพีถือกว่า6.6% ‘ถวิลเติมทรัพย์’บิ๊กล็อตKBS
เปิดตัวคนซื้อหุ้น “วินเทจ วิศวกรรม” รองเอ็มดีฝ่ายขาย SPCG โผล่ถือหุ้นกว่า 6% ด้านน้ำตาลครบุรีปรับโครงสร้างถือหุ้นในกลุ่ม
นายสุพจน์ วรรณโรจน์ นักลงทุน รายงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า วันที่ 20 มิ.ย. 2555 ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัท วินเทจ วิศวกรรม (VTE) ซึ่งขายเฉพาะเจาะจง (PP) ให้กับนักลงทุน ราคาหุ้นละ 2.5 บาท
นายสุพจน์ซื้อจำนวน 11.36 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.41% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วมูลค่า 28.4 ล้านบาท เมื่อรวมกับหุ้นเดิมที่ถืออยู่ 0.35 ล้านหุ้น หรือ 0.20% ส่งผลถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 11.49 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.61%
นอกจากนายสุพจน์แล้ว ยังมีนักลงทุนอีก 2 คน ที่ซื้อ PP หุ้น VTE คือ นายฟราริต จารุมนต์ ได้มา 10 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.75% และนายชนะชัย ชุติมาวรพันธุ์ ได้มา 4.7 ล้านหุ้น หรือ 3.56% รวมหุ้นเดิม 28.87 ล้านหุ้น หรือ 21.87% ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 24.17 ล้านหุ้น คิดเป็น 18.31%
สำหรับนายสุพจน์นักลงทุน ปัจจุบันเป็นรองกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เอสพีซีจี (SPCG)
นายสุพจน์ กล่าวว่า มีความสนใจหุ้นและมั่นใจลงทุนหุ้น VTE เนื่องจากเป็นเพื่อนผู้บริหาร มีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการมีกำไรและเงินปันผล ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังนอกเหนือจากเรื่องราคาหุ้น รวมทั้งไม่ได้เป็นตัวแทน (นอมินี) ให้ใคร
“ไม่ว่าผมถือหุ้นตัวไหน เห็นเป็นหุ้นดีก็ลงทุน ผมไม่ใช่นักเล่นหุ้นเก็งกำไร ไม่มีเป้าหมายของราคา จะขายตอนไหนไม่รู้ เป้าหมายของผมคือ ใช้เงินเมื่อไรก็ขายหุ้น” นายสุพจน์ กล่าว
ด้านบริษัท น้ำตาลครบุรี (KBS) วันที่ 27 มิ.ย. มีรายการซื้อขายรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) จำนวน 3 รายการ รวม 16.556 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.31% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด 500 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท มูลค่าซื้อขาย 158.11 ล้านบาท เฉลี่ยหุ้นละ 9.55 บาท
นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลครบุรี กล่าวว่า รายการบิ๊กล็อตดังกล่าวเป็นของนายอิสสระ ซึ่งเป็นการจัดหุ้นในกลุ่มครอบครัว โดยโอนขายหุ้นให้กับน้องชายทั้งสองคน คือ นายกันย์และนายธีรวัฒน์ ถวิลเติมทรัพย์ ให้ถือหุ้นจำนวนเท่ากัน ซึ่งก่อนหน้านี้โอนหุ้นให้กับบิดา
“ผมถือโอกาสที่หุ้น KBS หมดไซเลนต์พีเรียด (ระยะห้ามขาย) ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มของผม ซึ่งหลังจากโอนขายหุ้นให้ครอบครัวถือคนละ 34% แล้ว กลุ่มของผมยังถือหุ้นเท่าเดิมในสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่” นายอิสสระ กล่าว