สรรพสามิตใหม่รถแพงขึ้นแน่
ค่ายรถยนต์ขอเวลา 5 ปี ปรับตัวรับโครงสร้างภาษีใหม่ ย้ำหากเร่งใช้ราคารถยนต์แพงขึ้นแน่ ชี้ต้องลงทุนนับพันล้านปรับการผลิต
ค่ายรถยนต์ขอเวลา 5 ปี ปรับตัวรับโครงสร้างภาษีใหม่ ย้ำหากเร่งใช้ราคารถยนต์แพงขึ้นแน่ ชี้ต้องลงทุนนับพันล้านปรับการผลิต
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวในงานเสวนา “นโยบายภาษีกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยาน ยนต์ไทยที่ยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ว่า โครงสร้างภาษีสรรพสามิต ที่กรมสรรพสามิตร่างขึ้นมาที่กำหนดปริมาณการปล่อยค่า CO2 นั้น ไม่สอดคล้องกับภาพรวมของอุตสาห กรรมยานยนต์ ทั้งนี้เนื่องจากค่า CO2 ที่กำหนดในเบื้องต้น ที่ระบุว่าหากปล่อยค่าไอเสียน้อยกว่า 120 กรัม/กิโลเมตร จะได้ลดภาษีสรรพสามิตลงอีก 5% จากอัตราเดิม แต่หากรถคันใดปล่อยค่า CO2 มากกว่า 150 กรัม/กิโลเมตร จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นอีก 5% นั้น ถือว่าเป็นเกณฑ์ที่ทำได้ยากมาก
การกำหนดเกณฑ์โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่นี้ ภาคเอกชนต้องการให้หน่วยงานรัฐมองถึงความเป็นจริงและความเหมาะสมด้วยว่า เกณฑ์การปล่อย CO2 ที่กำหนดนั้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะหากใช้เกณฑ์ดังกล่าว เชื่อว่าแม้ภาครัฐจะให้เวลาค่ายรถปรับตัว 3 ปี รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายในประเทศไทยก็ไม่สามารถพัฒนาเครื่องยนต์ให้ผ่านเกณฑ์นี้ได้ นั่นหมายความว่ารถยนต์ส่วนใหญ่จะต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้นแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เอกชนต้องการให้มีการหารือกันระหว่างภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปที่ลงตัวว่าควรจะเป็นอย่างไร โดยระยะเวลาที่ภาคเอกชนต้องการในการปรับตัว คือ 5 ปี นับจากการประกาศใช้โครงสร้างภาษีใหม่ ซึ่งก็ยังถือว่าเร็วเกินไป อย่างในประเทศญี่ปุ่นและเยอรมนี ใช้เวลาประมาณ 10 ปี ถึงจะบังคับใช้
“ผมมองว่าเรื่องนี้รัฐบาลต้องการขึ้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์โดยอาศัยร่างภาษีใหม่นี้ เพราะใน 3-5 ปีนี้ ค่ายรถยนต์ไม่สามารถพัฒนาเครื่องยนต์ให้สอดคล้องกับที่กฎหมายกำหนดขึ้นได้อย่างแน่นอน และประชาชนก็คือผู้ที่จะต้องรับภาระนี้จากราคารถยนต์ที่ปรับเพิ่มขึ้น” นายศุภรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ค่ายรถยนต์ไม่ได้คัดค้านในเรื่องการกำหนดการปล่อย CO2 แต่ต้องการให้การกำหนดค่าตัวเลขนั้นเหมาะสมมากกว่านี้ เพราะหากใช้เกณฑ์ดังกล่าว คาดว่าค่ายรถยนต์จะต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านบาท เพื่อพัฒนาเครื่องยนต์ให้ผ่านหลักเกณฑ์ดังกล่าว
นายศุภรัตน์ กล่าวต่อว่า ในประเทศญี่ปุ่นไม่ได้ใช้เกณฑ์เรื่องการปล่อยค่า CO2 ในการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิต แต่ใช้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเป็นตัวกำหนดภาษีสรรพสามิต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะหากใช้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ก็จะเป็นการเปิดเสรีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ต่างๆ ว่าค่ายรถยนต์ใดมีเทคโนโลยีที่ดี ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี