เป๊ปซี่ฯลุยตลาดอาหาร
เป๊ปซี่ฯกางแผนบุกธุรกิจอาหาร ชูความหลากหลายแบรนด์สแน็คในกลุ่ม รับแนวโน้มขนมขบเคี้ยวในไทยโตพรวด 2 หลักต่อเนื่อง
เป๊ปซี่ฯกางแผนบุกธุรกิจอาหาร ชูความหลากหลายแบรนด์สแน็คในกลุ่ม รับแนวโน้มขนมขบเคี้ยวในไทยโตพรวด 2 หลักต่อเนื่อง
นางอัลพานา ติตัส ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด-อาหาร บริษัท เป๊ปซี่ –โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวซันไบทส์ เปิดเผยว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจหมวดอาหารของบริษัท เป็นไปตามนโยบายระดับโลก คือ การนำแบรนด์สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มกว่า 20 แบรนด์ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า1พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาหรือกว่า3หมื่นล้านบาท ทำตลาดเชิงรุกในแต่ละประเทศรวมทั้งไทยมากขึ้นนับจากนี้
สำหรับแผนธุรกิจหมวดอาหารในไทย บริษัทจะศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อนำแบรนด์ธุรกิจหมวดอาหารหรือขนมขบเคี้ยวที่มีในระดับโลกเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีตราสินค้าหมวดขนมเคี้ยวต่างๆ อาทิ เลย์ ชีโตส ทวิสตี้ และซันไบทส์ เป็นต้น
“บริษัทได้ศึกษาแนวโน้มความนิยมในตลาดขนมขบเคี้ยวในไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำตลาดสินค้าในแบรนด์และกลุ่มใหม่ที่อำนวยความสะดวกสะบายให้กับผู้บริโภคมากขึ้น ที่มีความแตกต่างกันออกไปทั้งสแน็คเพื่อสุขภาพ หรือเพื่อความเพลิดเพลิน เป็นต้น” นางติตัส กล่าว
สำหรับแผนตลาดขนมขบเคี้ยวในไทยปีนี้ ล่าสุดเปิดตัวซันไบทส์รสชาติใหม่ “ผักรวมรสน้ำสลัดญี่ปุ่น”เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงวัยทำงานที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตเร่งรีบ จากเดิมมี 3 รสชาติ คือ ออริจินัล บาร์บีคิว และรสสาหร่าย ล่าสุดบริษัทยังได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ที่โรงงาน ลำพูน เพื่อรองรับการเติบโตธุรกิจในอีก 2ปีข้างหน้านี้
ขณะที่ยอดขายซันไบทส์ ถือว่าเป็นแบรนด์ที่การเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงแข่งขันฟุตบอลโลกที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน โดยซันไบทส์มียอดขายเติบโตสูงและยังเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จหลังจากทำตลาดในประเทศไทยมาร่วม 2ปี โดยบริษัทยังได้เพิ่มขนาดสินค้าใหม่ ปริมาณบรรจุ 82 กรัมราคา25 บาท เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคไทยที่นิยมซื้อสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังจะให้ความสำคัญในการกระจายสินค้าหมวดขนมขบเคี้ยวให้ครอบคลุมทุกช่องทางจำหน่าย ซึ่งจากการทำตลาดในเชิงรุกปีนี้ คาดผลักดันให้ ซันไบทส์ จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมาพบว่า ซันไบทส์เป็นขนมขบเคี้ยวที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย จากปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ จากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ใน2558 นั้น บริษัทสนใจที่จะเข้าไปทำตลาดในอาเซียน แต่เนื่องจากขณะนี้ความต้องการสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นมาก ทำให้บริษัทต้องให้ความสำคัญกับการทำตลาดภายในประเทศไทยเป็นหลักก่อน