มิตซูฯโซนี่ชะลอลงทุนไทย

เมินขยายโรงงานลดสต๊อกหวั่นศก.ยุโรปกำลังซื้อหด

มิตซูบิชิโซนี่ หวั่นเศรษฐกิจยุโรปกระทบกำลังซื้อคนไทยครึ่งปีหลัง ชะลอแผนลงทุนผลิตสินค้าเพิ่มลดสต๊อกสินค้า

นายอนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไป ส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ผู้ทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์มิตซูบิชิ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทยังต้องจับตาสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยและกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวลงหรือไม่

ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันยอดขายของบริษัทเติบโตสูงถึง 30% ซึ่งสูงเกินเป้าหมายที่วางไว้ก็ตาม แต่บริษัทจะยังไม่เร่งการลงทุน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าตามความต้องการของตลาดที่ดีขึ้น เพราะต้องประเมินสถานการณ์ในประเทศก่อน

ขณะเดียวกัน บริษัทยังไม่มีแผนลดสต๊อกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าลง เหมือนกับผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในตลาดแบรนด์อื่น แต่จะเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ และยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคตสำหรับประเทศไทย เนื่องจากในช่วง 2 ปีก่อน บริษัทแม่ได้ขยายการลงทุนเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ไปแล้ว

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายรวมในสิ้นปีนี้ (รอบบัญชี เม.ย. 2555-มี.ค. 2556) เติบโต 10% หรือ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่ปรับเป้าหมายยอดขายรวมใหม่ในสิ้นปีนี้ แม้ในต้นปีจะสร้างยอดขายได้ดีมากจากสภาพอากาศในไทยที่ร้อนมาก ทำให้ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลม และปั๊มน้ำ มีสูงมาก รวมถึงแบรน์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายอื่นในตลาด ยังไม่สามารถกลับมาผลิตสินค้าได้ตามปกติ หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมในปีก่อน

สำหรับการส่งออกสินค้าไปตลาดต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา พบว่ายอดการส่งออกสินค้ายังเติบโตได้ดีอยู่ ทั้งในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐ ส่วนวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปยังไม่กระทบยอดการส่งออกของบริษัทมากนัก

นายภิญโญ สงวนเศรษฐกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด ผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท โซนี่ ไทย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังซื้อผู้บริโภคเริ่มหดตัวลงตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่มมีการเติบโตลดลง 810% จากก่อนหน้านี้ตลาดชะลอตัวในหมวดภาพและเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน

นอกจากนี้ ยังกังวลว่าสินค้าที่ส่งออกไปยังตลาดยุโรปและสหรัฐจะกลับเข้ามาทำตลาดในไทย แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม แต่ก็ทำให้บริษัทสต๊อกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าให้น้อยลงตามความต้องการของผู้บริโภคที่หดตัวลง รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากการที่ตลาดซบเซามาจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐ