เอ็น.ซี.ฯซุ่มศึกษาอสังหาอาเซียน

รับสนใจพม่าแต่รอกม.ชัดเจนผุดบ้านหรูแบรนด์ใหม่13ล้าน

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เปิดกว้างแผนลงทุนอสังหาฯ อาเซียน เดินสายศึกษาตลาดทั่วภูมิภาค

นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ทำให้บริษัทสนใจศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนอสังหาฯ ในประเทศแถบอาเซียน โดยเปิดกว้างการลงทุนหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละประเทศและต้องใช้เวลาในการศึกษาตลาดอย่างรอบด้าน

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้ร่วมดูงานด้านการท่องเที่ยวและการค้าที่เมืองย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และพุกาม ประเทศพม่า กับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยมองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ แต่ในยุคแรกเริ่มน่าจะเป็นโอกาสของธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และอาคารสำนักงานมากกว่าโครงการบ้านพักอาศัย

นอกจากนี้ การลงทุนในพม่ายังมีอุปสรรคเรื่องกฎหมายที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถ้าบริษัทจะเข้าไปลงทุนในพม่า มองว่าควรไปเป็นกลุ่มในลักษณะร่วมทุนกับนักลงทุนไทยมากกว่าไปลงทุนเอง 100% เพื่อลดความเสี่ยง

ขณะที่การลงทุนในประเทศ จะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับทรัพย์สินที่สร้างรายได้ระยะยาวมากขึ้น เพื่อให้มีรายได้เข้ามาต่อเนื่อง แต่จะเป็นทรัพย์สินประเภทใด อยู่ระหว่างศึกษา ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยยังเป็นรายได้หลักของบริษัท สัดส่วนการลงทุนจะเป็นแนวราบ 90% และแนวสูง 10%

สำหรับโครงการแนวสูงคาดว่าจะเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้อย่างน้อย 1 โครงการ ส่วนแนวราบ ล่าสุดเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “เอ็นซี รอยัล” เน้นระดับราคา 13-32 ล้านบาท ประเดิมทำเลแรกปิ่นเกล้า บนพื้นที่ 26 ไร่ จำนวน 61 ยูนิต ขนาด 101-130 ตารางวา มูลค่า 800 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดบ้านหรู แม้ว่าจะไม่หวือหวามากนัก แต่เป็นตลาดที่เชื่อมั่นว่ายังคงเติบโต สะท้อนได้จากยอดขายของโครงการดังกล่าว ที่มีลูกค้าจองแล้ว 8 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 116 ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2556 ส่วนปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรวม 1,700 ล้านบาท ซึ่ง 8 เดือนแรก สามารถทำได้แล้ว 60%

ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง ทั้งสถานการณ์ยุโรปที่ยังไม่มีสัญญาณดีขึ้น เศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่เติบโต และตลาดจีนที่ลดความร้อนแรง ซึ่งในมุมผลกระทบเชิงลบต่อไทย ย่อมฉุดการเติบโตภาคส่งออกและอาจมีผลต่อเนื่องมาถึงกำลังซื้อ โดยเฉพาะคนในภาคธุรกิจส่งออก แต่มีข้อดีที่อาจมีเม็ดเงินทุนไหลเข้าสู่ไทยเพิ่มขึ้น เพราะไทยเป็นประตูสู่อาเซียน