การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

18 ตุลาคม 2555

ช่วงนี้มีเครือข่ายผู้บริโภค รวมทั้งครูบาอาจารย์และหัวหน้าพรรคการเมืองหลายฝ่าย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของหน่วยงานทางปกครอง

โดย...เดชา กิตติวิทยานันท์

ช่วงนี้มีเครือข่ายผู้บริโภค รวมทั้งครูบาอาจารย์และหัวหน้าพรรคการเมืองหลายฝ่าย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของหน่วยงานทางปกครอง เช่น กรณีการประมูล 3จี ของ กสทช. ซึ่งผลการประมูลก็ออกมาแล้วว่า ไม่เป็นไปตามที่ กสทช.คาดหวัง กล่าวคือ ได้เงินเข้ารัฐน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเป็นไปตามที่นักวิชาการเคยติติงว่า ราคาเริ่มต้นต่ำเกินไป มีผู้เข้าร่วมแข่งขันเพียง 3 ราย รวมทั้งให้ประมูลได้เพียงไม่เกิน 3 สลอต หรือ 3 ใบอนุญาต เป็นต้น และอีกหลายคดี จนทำให้ผู้คนมีความสงสัยว่าการฟ้องดังกล่าวทำได้หรือไม่ และถ้าฟ้องเพื่อแกล้งหรือเพื่ออยากดัง หรือเพื่อที่จะทำให้หน่วยงานทางราชการเสียหาย จะต้องรับผิดตามกฎหมายหรือไม่ แต่ถ้าเป็นการฟ้องโดยสุจริต เพื่อปกป้ององค์กรหรือประเทศชาติก็สามารถทำได้

ที่ผ่านมาเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาวางบรรทัดฐานไว้เกี่ยวกับการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือการแกล้งฟ้องบุคคลอื่นทั้งที่ไม่มีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ หรือไม่มีสิทธิที่จะฟ้องดังตัวอย่างคดีต่างๆ ที่เคยมีคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว ดังนี้

1.การใช้สิทธิฟ้องร้องคดีแพ่งหรือคดีอาญานั้น ทำได้ไม่ถือว่าเป็นละเมิด แต่ต้องเป็นการฟ้องโดยมีเรื่องฟ้องจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาและแพ่ง ศาลตัดสินยกฟ้องโดยไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงนั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหรือละเมิดต่อโจทก์

ค่าทนายชั้นศาลชั้นต้นคิดตามทุนทรัพย์ในฟ้อง ชั้นอุทธรณ์คิดตามทุนทรัพย์ที่อุทธรณ์ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2490)

2.เจ้าหนี้นำยึดบ้านเรือน โดยมีเหตุผลให้เชื่อโดยสุจริตว่าบ้านเรือนที่ยึดเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจนขายทอดตลาดบ้านเรือนนั้นไป ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่โดยใช้สิทธิทางศาล เมื่อเจ้าหนี้หรือผู้แทนกระทำไปโดยมิได้ประมาทเลินเล่อแต่อย่างใดแล้ว ถึงแม้จะปรากฏว่าบ้านเรือนที่นำยึดเป็นของผู้อื่นก็ดี การกระทำของเจ้าหนี้ก็ไม่เป็นการละเมิด (อ้างฎีกาที่ 960/2485) (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2495)

3.แม้โจทก์จะมีชื่อและนามสกุลอย่างเดียวกันกับลูกหนี้ของจำเลย แต่ก็มีภูมิลำเนาต่างกัน ทั้งลูกหนี้ของจำเลยไม่เคยย้ายภูมิลำเนา อีกทั้งเมื่อโจทก์ติดต่อทนายความจำเลยแจ้งว่ามิได้เป็นหนี้ ทนายความจำเลยหรือจำเลยกลับยืนยันว่าเป็นหนี้ ถ้าไม่ชำระหนี้จะฟ้องร้องต่อศาล ทำให้โจทก์เกิดความกลัว จึงได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเป็นเหตุให้โจทก์ถูกหนังสือพิมพ์รายวันลงข่าวเผยแพร่ไปทั่วราชอาณาจักร ทำให้โจทก์ถูกผู้บังคับบัญชาเรียกไปสอบสวนหามูลเหตุของข่าวการเป็นหนี้จำเลย และลงความเห็นว่าถ้าข่าวดังกล่าวเป็นจริงโจทก์จะถูกลงโทษ โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโทรศัพท์ทางไกลติดต่อญาติพี่น้องเพื่อแจ้งความจริงให้ทราบ และได้ว่าจ้างทนายความให้ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้ดังกล่าว ดังนี้

กรณีถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อหรือไม่ไยดีต่อผลแห่งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ในภายหลัง โดยไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรทำการตรวจสอบเกี่ยวกับตัวลูกหนี้ของจำเลยเสียใหม่ตามที่โจทก์แจ้งให้ทนายความของจำเลยหรือจำเลยทราบแล้วว่าโจทก์มิใช่ลูกหนี้ของจำเลย รวมทั้งจำเลยยังได้ยืนยันที่จะฟ้องร้องโจทก์ต่อศาล จนเป็นเหตุให้โจทก์เกิดความกลัวและนำเรื่องไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนจนถูกหนังสือพิมพ์รายวันบางฉบับนำข่าวไปเผยแพร่ทั่วราชอาณาจักร อันเป็นการกระทำต่อโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมายทำให้โจทก์เสียหาย

พฤติการณ์จึงถือได้ว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์อันจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เพื่อการนั้นแล้วครบถ้วนด้วยองค์ประกอบแห่งความผิดเพื่อละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2543)

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 5 ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา 421 การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 175 ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นความจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา 176 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 175 แล้วลุแก่โทษต่อศาล และขอถอนฟ้องหรือแก้ฟ้องก่อนมีคำพิพากษา ให้ศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้หรือศาลจะไม่ลงโทษเลยก็ได้

มาตรา 181 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 174 มาตรา 175 มาตรา 177 มาตรา 178 หรือมาตรา 180

(1) เป็นการกระทำในกรณีแห่งข้อหาว่า ผู้ใดกระทำความผิดที่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

(2) เป็นการกระทำในกรณีแห่งข้อหาว่า ผู้ใดกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสามหมื่นบาท

มาตรา 182 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 177 หรือมาตรา 178 แล้วลุแก่โทษ และกลับแจ้งความจริงต่อศาลหรือเจ้าพนักงานก่อนจบคำเบิกความ หรือการแปล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

มาตรา 183 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 177 มาตรา 178 หรือมาตรา 180 แล้วลุแก่โทษ และกลับแจ้งความจริงต่อศาลหรือเจ้าพนักงานก่อนมีคำพิพากษา และก่อนตนถูกฟ้องในความผิดที่ได้กระทำ ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

 

Thailand Web Stat