'ช้างชนสิงห์'โค้งสุดท้าย แข่งผุดลานเบียร์รับตลาดโต
หลังจากออกพรรษาก็เข้าสู่หน้าขายในไตรมาส 4 ที่เจ้าของสินค้าหลายรายตีปีกขานรับความคึกคักของกำลังซื้อ
หลังจากออกพรรษาก็เข้าสู่หน้าขายในไตรมาส 4 ที่เจ้าของสินค้าหลายรายตีปีกขานรับความคึกคักของกำลังซื้อ
โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่หวนคืนบรรยากาศเทศกาลลานเบียร์สดเพื่อสร้างสีสันให้ตลาดคึกคักมากขึ้น โดยปีนี้ทุกค่ายเบียร์ต่างหวนคืนกลับมาเนรมิตลานเบียร์สด หรือเบียร์พาร์ก ทั่วกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด โดยเฉพาะใจกลางเมืองจุดสำคัญอย่างหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หลังจากที่ปีก่อนเบียร์เกือบทุกยี่ห้อ ยกเว้นค่ายไทยเบฟเวอเรจ ต่างพร้อมใจเว้นวรรคการจัดกิจกรรมลานเบียร์ไปจากน้ำท่วมใหญ่
สรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์ตราช้าง กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเบียร์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค. 2555) มีอัตราเติบโตสูงถึง 12-13% จากหลายปัจจัยผลักดัน อาทิ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2012 และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012
นอกจากนี้ ยังรวมถึงกำลังซื้อผู้บริโภคที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่แล้ว ทำให้ถึงสิ้นปีคาดว่าตลาดน่าจะเติบโตได้ถึง 15-16% หรือมีมูลค่าเชิงปริมาณราว 2,100 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 1.1 แสนล้านบาท และเชื่อว่าในปี 2556 ตลาดเบียร์โดยรวมน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ แม้ว่าจะไม่มีการแข่งขันกีฬาระดับโลกหนุนก็ตาม
สำหรับภาพรวมเบียร์ของบริษัทในปีนี้ คาดมีอัตราการเติบโต 4-5% เป็นผลจากผลิตภัณฑ์กลุ่มเบียร์ช้างคลาสสิก ที่เติบโตสูงถึง 10% ส่งผลให้ปัจจุบันเบียร์ช้างมีส่วนแบ่งตลาดที่ 32% เพิ่มขึ้นจาก 31% ในปีที่แล้ว ส่วนในปีหน้าตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 36% โดยจะให้ช้าง เอ็กซ์ปอร์ต เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต หลังจากการทำตลาดมา 1 ปี ได้ผลการตอบรับที่ดี
ขณะที่แนวทางการทำตลาดในปีหน้า จะดำเนินการภายใต้กลยุทธ์โฟกัส มาร์เก็ตติง โดยให้ความสำคัญกับการทำตลาดในช่องทางจำหน่ายหลัก เน้น 2 ช่องทาง คือ สถานที่เที่ยวกลางคืน ซึ่งเปรียบเสมือนโชว์รูมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยปัจจุบันมีประมาณ 4-5 หมื่นร้านค้า แต่ขณะนี้ ช้าง เอ็กซ์พอร์ต เข้าไปในช่องทางดังกล่าวเพียง 20-30% และช่องทางร้านโชห่วย 4-5 แสนแห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังวางงบราว 300 ล้านบาท สำหรับทำตลาดเบียร์ช้าง เอ็กซ์พอร์ต โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมและโปรโมชันในช่องทางหลัก ซึ่งงบดังกล่าวเป็นงบพิเศษไม่รวมในงบทำตลาดเบียร์ช้างที่วางไว้ในปีหน้า 1,100-1,200 ล้านบาท จากปีนี้ที่ใช้ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการตลาดผ่านดนตรี 50% และกีฬา 50% โดยจะต่อยอดแคมเปญแชมป์เหนือแชมป์ ที่เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอล 2 ทีมดัง คือ บาร์เซโลนา และรีล มาดริด
“บริษัทมีแผนนำทีมใดทีมหนึ่งมาแข่งขันฟุตบอลในไทยช่วงเดือน ส.ค.ปีหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับการสร้างแบรนด์ช้างให้เป็นระดับโลก”
ขณะเดียวกันยังใช้งบ 50 ล้านบาท ทำตลาดผ่านดนตรี จัดลานเบียร์ในชื่อ “ช้างเอ็กซ์พอร์ตเบียร์พาร์ก” 3 แห่ง คือ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เอเชียทีค และเมกาบางนา ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ 22 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนหลักมาจากเซ็นทรัลเวิลด์ 60% หรือจำนวนเบียร์ 2,000 ถัง ที่เหลือเป็นเอเชียทีค 600 ถัง และเมกาบางนา 1,500 ถัง โดยทั้ง 3 แห่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.นี้
ด้าน ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ กล่าวว่า ทันทีที่เข้าสู่ไตรมาส 4 พบว่ากำลังซื้อผู้บริโภคในภาพรวมเริ่มฟื้นคืนกลับมาและคึกคักขึ้นหลังออกพรรษา โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สังเกตได้จากคำสั่งซื้อของตัวแทนขาย (เอเยนต์) ที่เข้ามาเป็นปกติแล้ว
สำหรับปีนี้ บริษัทได้หวนกลับมาจัดกิจกรรมลานเบียร์สดสิงห์ตามปกติ เพื่อต้อนรับการเฉลิมฉลองและส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ซึ่งปีนี้เบียร์สิงห์ได้กระจายลายเบียร์สดไปยังจุดต่างๆ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ รวมทั้งคาดว่าปีนี้จะมีส่วนแบ่งตลาดรวมเบียร์ 71-72% จากปีก่อนอยู่ที่ 65% ขณะที่ปัจจุบันในรอบ 10 เดือนแรกปีนี้ บริษัททำได้แล้ว 70%
“ปีนี้ผู้ประกอบการหันกลับมาจัดลานเบียร์ คาดว่าทำให้ตลาดเบียร์ในภาพรวมคึกคักมากขึ้น เทียบกับปีก่อนที่เงียบเหงา ซึ่งในปีนี้มองว่าทุกคนน่าจะแฮปปี้จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นด้วย” ฉัตรชัย กล่าว