รัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ผู้พลิกฟื้น PAE
รัตนพล วงศ์นภาจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) หรือ PAE ผงาดขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 หรือถือหุ้นสัดส่วน 11.34% หลังบริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนสำเร็จและหุ้นเพิ่มทุนได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา
รัตนพล วงศ์นภาจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) หรือ PAE ผงาดขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 หรือถือหุ้นสัดส่วน 11.34% หลังบริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนสำเร็จและหุ้นเพิ่มทุนได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“รัตนพล” เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงที่พลิกฟื้นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแห่งนี้ด้วยวัยเพียงกว่า 31 ปี เขาได้เข้าไปร่วมแก้ไขปัญหาและบริหารใน PAE เมื่อ 2 ปีก่อน ต้องถือว่าเป็นงานที่สาหัสสากรรจ์
“ตอนแรกที่ผมจบปริญญาตรี คิดจะเรียนต่อในระดับปริญญาโท แต่แล้วก็ไม่ได้เรียนเพราะต้องเข้ามาบริหารที่ PAE ซึ่งผมถือว่าเป็นโอกาสที่คุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับการไม่ได้เรียนต่อ เพราะผมได้ร่วมแก้ไขปัญหาและทำทุกอย่างเพื่อให้บริษัทพลิกฟื้น จนถึงวันนี้ผมถือว่า PAE ได้ฟื้นแล้ว และจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง”
“รัตนพล” เป็นบุตรชายของ “เยาวเรศ ชินวัตร” พี่สาวนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์” จบปริญญาตรีด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐซีแอตเติล สหรัฐอเมริกา
ภายหลังเรียนจบเริ่มงานแรกที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME) เป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อ หลังจากนั้นก็ไปร่วมงานกับบริษัทเอกชนหลายแห่ง จนล่าสุดเข้ามาเป็นกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ PAE
“รัตนพล” เล่าว่า โจทย์แรกที่เข้ามาบริหาร PAE คือทำอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้บริษัทเข้าไปอยู่ในหมวด “ฟื้นฟูกิจการ” เพราะขณะนั้นมีส่วนผู้ถือหุ้นลดลงเหลือเพียง 1.9 ล้านบาทเท่านั้น
ดังนั้น จึงวางแผนว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ
“ตอนนั้นปัญหาคือเราไม่มีเงินในการลุยธุรกิจ สิ่งแรกที่ผมทำคือ ดึงวงเงินสินเชื่อที่ PAE มีอยู่กับสถาบันการเงินทั้งหมดมาดูว่าเราจะใช้วงเงินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไร เพราะการที่ PAE มีสินทรัพย์เยอะ สถาบันการเงินบางแห่งก็มีวงเงินสินเชื่อให้เราอยู่ และบริษัทไม่ได้ใช้เราก็มาปรับเปลี่ยนวงเงินใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจ
“ผมลุยงานเองทุกอย่าง ตั้งแต่เข้าพบลูกค้าเพื่อขายงาน จนถึงตอนนี้มีความมั่นใจมากว่าจะนำพาบริษัทให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง”
ผลงานโดดเด่นของเขาคือส่วนผู้ถือหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับเกือบ 50 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2554 และล่าสุดบริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนในการขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และการขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้กับกองทุนต่างประเทศ ทำให้บริษัทมีเงินเข้ามากว่า 1,400 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้
สำหรับการผงาดขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ใน PAE นั้น “รัตนพล” กล่าวว่า เดิมถือหุ้นอยู่แล้วในสัดส่วนไม่ถึงระดับที่เปิดเผยในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก แต่เมื่อบริษัทเพิ่มทุนได้ใช้สิทธิเพิ่มทุน และขณะเดียวกันก็ใช้สิทธิเพิ่มทุนเกินสิทธิที่ได้รับ ซึ่งผู้ถือหุ้นทุกคนก็ได้รับการจัดสรรทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนที่ถูกต้องทั้งหมด และการที่ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็แสดงให้เห็นว่ามีความมั่นใจในธุรกิจและบริษัทที่ดำเนินการอยู่ และหลังจากนี้ทุกอย่างจะชัดเจนตามแผนที่วางไว้
ก่อนหน้านี้ PAE ถือหุ้นใหญ่โดยกลุ่มบริษัท Global Process System Inc. (GPS) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการผลิตและออกแบบทางวิศวกรรมเกี่ยวกับอุปกรณ์การผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความพร้อมด้านการลงทุนและบุคลากร ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยการร่วมลงทุนกับบริษัท แต่ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2
อนาคตของ PAE นั้น ได้วางเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าจะเป็นผู้ให้บริการครบวงจร Integrated EPC เริ่มตั้งแต่การออกแบบ วางแผน ก่อสร้างวัสดุอุปกรณ์ ตลอดจนการให้บริการต่างๆ แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมพลังงาน ได้แก่ น้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัท
นี่คือเป้าหมายธุรกิจที่ “รัตนพล” ตั้งใจแน่วแน่ที่จะต้องทำให้สำเร็จ!!!