เปิดแผนธุรกิจเครือโรงแรมบีทูบูติก-บัดเจ็ตโฮเต็ลพันธุ์ไทย
ในยุคก่อนการลงทุนธุรกิจโรงแรมที่มาแรง คือโรงแรม 3 ดาวขึ้นไป นั่นคือขนาดใหญ่โต ห้องมาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่สำหรับวินาทีนี้โรงแรมที่มาแรงแซงโค้ง คือโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (บูติก โฮเต็ล) เน้นการออกแบบโดดเด่น ไม่ต้องมีห้องมาก และโรงแรมต้นทุนต่ำ (บัดเจ็ต โฮเต็ล) เน้นควบคุมต้นทุนต่ำที่สุด ราคาห้องพักต่ำ
ในยุคก่อนการลงทุนธุรกิจโรงแรมที่มาแรง คือโรงแรม 3 ดาวขึ้นไป นั่นคือขนาดใหญ่โต ห้องมาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่สำหรับวินาทีนี้โรงแรมที่มาแรงแซงโค้ง คือโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (บูติก โฮเต็ล) เน้นการออกแบบโดดเด่น ไม่ต้องมีห้องมาก และโรงแรมต้นทุนต่ำ (บัดเจ็ต โฮเต็ล) เน้นควบคุมต้นทุนต่ำที่สุด ราคาห้องพักต่ำ
นิรันดร์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงแรมบีทู ซึ่งเป็นโรงแรมบูติกและบัดเจ็ต โฮเต็ลสายพันธุ์ไทยแท้ ระบุว่า ยุคนี้นักท่องเที่ยวใช้เวลาในโรงแรมน้อย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ใช้เวลาเที่ยวให้มากที่สุด ใช้เวลาในโรงแรมแค่พักผ่อนช่วงกลางคืน ดังนั้น สิ่งที่ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการก็คือความสงบยามค่ำคืนให้หลับสบาย ไม่ได้ต้องการสระว่ายน้ำหรือบริการอื่นเกินจำเป็น เมื่อมีบัดเจ็ต โฮเต็ล จึงสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดี
สำหรับบีทูเปิดโรงแรมแห่งแรกในปี 2549 ที่ จ.เชียงใหม่ จากนั้นจึงขยายโรงแรมต่อเนื่อง โดยเน้นที่ภาคเหนือเป็นหลัก แต่ก็ขยายพื้นที่อื่นด้วย จนปัจจุบันมีโรงแรมบีทูทั้งสิ้น 19 สาขา ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง กรุงเทพฯ และพัทยา ในจำนวนนี้เป็นเจ้าของเอง 18 สาขา รับบริหาร 1 สาขา
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 ปีนี้ ได้เตรียมเปิดโรงแรมเพิ่มที่พัทยาอีก 1 แห่ง และช่วงไตรมาสสุดท้ายจะเปิดโรงแรมที่ จ.ภูเก็ต
ขณะที่แผนงานในปี 2557 จะเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 5 สาขา ที่ จ.อุดรธานี ขอนแก่น หัวหิน กรุงเทพฯ บริเวณถนนบางนาตราด และแม่ฮ่องสอน นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเมืองที่มองไว้ ได้แก่ เกาะเสม็ด ระยอง เกาะสมุย พิษณุโลก นครสวรรค์ และกระบี่ ซึ่งเป็นแผนงานระยะต่อไป
ทั้งนี้ บีทูมีนโยบายเปิดโรงแรมใหม่ปีละ 45 สาขา ใช้งบลงทุน 1 ล้านบาทต่อห้องพัก แต่ละสาขามีห้องพัก 7080 ห้อง เพื่อให้ดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและมีต้นทุนบริหารจัดการไม่สูงเกินไป โดยงบลงทุนโรงแรมแต่ละแห่งถือว่าไม่สูงหากเทียบกับโรงแรมอื่น เนื่องจากพี่ชายคนโตทำธุรกิจก่อสร้าง ทำให้สามารถดูแลการก่อสร้างและควบคุมต้นทุนโรงแรมให้
นิรันดร์ กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายของบีทู 70% เป็นลูกค้าคนไทย อีก 30% เป็นชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นตลาดเอเชีย ซึ่งแผนงานหลังจากนี้จะขยายตลาดลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งการเปิดโรงแรมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขยายตลาดนี้ได้ โดยตั้งเป้าหมายทำให้สัดส่วนตลาดในอนาคตเป็นลูกค้าคนไทย 50% และต่างชาติ 50%
สำหรับโรงแรมในเครือแบ่งเป็น 4 แบบ คือ บีทูสีส้ม ดำเนินธุรกิจรูปแบบบัดเจ็ต โฮเต็ล โดยมีห้องพักอย่างเดียว ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมาก บีทูสีเขียว รูปแบบเดียวกับบีทูสีส้ม แต่เน้นรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บีทูสีดำ เป็นโรงแรม 3 ดาว มีห้องพักตอบสนองนักธุรกิจ และบีทู พรีเมียร์ มีห้องพัก สระว่ายน้ำ ห้องประชุม และสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น
ปัจจุบันราคาห้องพักบีทูโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 800 บาท ต่ำสุดอยู่ที่ 300-400 บาท ไปถึงกว่า 4,000 บาท
ในปี 2555 ที่ผ่านมา บีทูทุกสาขามีอัตราเข้าพักเฉลี่ยกว่า 70% ปีนี้คาดว่าอัตราเข้าพักจะขึ้นไปอยู่ที่ 75% โดยจุดแข็งของโรงแรมคือเน้นความจริงใจ ขั้นตอนการเข้าพักไม่ซับซ้อน โทรศัพท์มาเช็กอินผ่านศูนย์บริการทางโทรศัพท์ได้ เมื่อมาถึงที่พักก็แสดงบัตรประชาชนใบเดียว รับกุญแจและเข้าพักได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลากรอกเอกสารอีก
แนวทางการทำตลาดบีทูในปีนี้ จะเน้นการออกแคมเปญเพื่อสร้างการรับรู้ไปยังลูกค้าทั่วไปว่าการใช้ห้องพักแต่ละครั้งจ่ายค่าอะไรบ้าง เมื่อพักบีทูแล้วทำไมจ่ายน้อยกว่าโรงแรมอื่น แต่มีคุณภาพชีวิตไม่ต่างจากโรงแรมทั่วไป โดยจะทำผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนออกบัตรสมาชิก ไอ แอม บีทู ไตรมาส 4 นี้ เพื่อให้ลูกค้าใช้สะสมแต้มจากการใช้บริการแต่ละครั้ง และนำไปแลกรางวัล โดยบัตรไอ แอม บีทู ต่างกับบัตรสมาชิกทั่วไป เพราะเป็นบัตรเติมเงินที่ใช้จ่ายค่าห้องพักโรงแรมบีทู คะแนนสะสมใช้ได้ง่าย เพราะไม่ต้องรอให้คะแนนมากๆ แล้วจึงแลกของรางวัลได้ หากมีคะแนนไม่มากก็เปลี่ยนเป็นส่วนลดเงินสดในการจองห้องพักครั้งต่อไปได้ และคะแนนจะไม่มีวันหมดอายุไม่เพียงเท่านี้หากไปเขียนคำแนะนำโรงแรมในโลกออนไลน์ ตามเว็บไซต์ที่บีทูระบุ ก็จะได้คะแนนพิเศษเพิ่มเติมอีก
บีทูใช้เงินลงทุนสำหรับบัตรไอ แอม บีทู 10 ล้านบาท โดยร่วมมือบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น วางระบบ คาดว่าจะเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่กลับมาใช้บริการซ้ำได้เพราะลูกค้าจะรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ อยากกลับมาอีก
นับว่าบัดเจ็ต โฮเต็ล เป็นโรงแรมที่น่าจับตามาก หากโรงแรมไทย 3 ดาวลงมาไม่ปรับตัวคงสู้กลุ่มนี้ลำบาก